วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ชสอ. จัดกิจกรรมวันออมแห่งชาติ ปี 2565 ตั้งเป้าระดมเงินออม 20,000 ล้านบาท


    ด้วยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี
 เป็น “วันออมแห่งชาติ” ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ จัดงานวันออมแห่งชาติ ประจำปี 2565เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมให้กับสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ นักเรียน และประชาชนทั่วไปโดยได้รับเกียรติจาก นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา และ รองศาสตราจารย์พิเศษ พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ เป็นประธานในพิธีเปิดการเดินรณรงค์ “วันออมแห่งชาติ 31 ตุลาคม 2565” ในวันจันทร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ณ ถนนนครอินทร์ ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขบวนการสหกรณ์ ได้แก่ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์เครคิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัทสหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สมาคมสมาพันธ์สหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตในเอเชีย และสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าร่วมงานวันออมแห่งชาติกว่า 500 คน



     โดย ในปี 2565 ชสอ. ได้ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศจัดกิจกรรมส่งเสริมการออมและจัดงานวันออมแห่งชาติในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 โดยมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ 

1.รณรงค์ให้สมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการออม โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการออมตั้งเป้ามีเงินออมในภาคสหกรณ์เพิ่มขึ้น 20,000 ล้านบาท ซึ่งจากการรณรงค์ส่งเสริมกิจกรรมการออมจากสหกรณ์สมาชิกทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2565 มียอดเงินออมจำนวน 25,890.- ล้านบาท

2.การเดินรณรงค์วันออมแห่งชาติ โดยมีเขตพื้นที่สหกรณ์สมาชิก ชสอ. สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ มาร่วมเดินรณรงค์กับนักเรียนในจังหวัดนนทบุรี

3. การจัดให้มีธรรมเทศนา“ออมวันนี้ มั่งมีวันหน้า” โดย พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) และบรรยาย “บริหารการเงินอย่างไร ให้มีเงินใช้ตลอดชีวิต” โดย คุณโอมศิริ  วีระกุล บ.ก.aomMONEY และวิทยากรด้านการเงิน



4. การมอบประกาศเกียรติคุณให้กับสหกรณ์ที่ใช้บริการเงินฝาก/ตั๋วสัญญาใช้เงิน ชสอ. รุ่นวันออมแห่งชาติ ปี 2565 สูงสุด

5. การจับสลากลุ้นรางวัลส่งเสริมการออมสหกรณ์ที่ใช้บริการเงินฝาก/ตั๋วสัญญาใช้เงิน ชสอ. รุ่นวันออมแห่งชาติ ปี 2565 

6. การจัดบูธนิทรรศการของขบวนการสหกรณ์



     โดย  นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีส่งเสริมสหกรณ์  กล่าวว่า การออมมีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมาก จะต้องมีการฝึกฝน ส่งเสริม สร้างนิสัยการออมตั้งแต่เด็ก เยาวชนอย่างต่อเนื่อง มีเงินใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เงินออมของขบวนการสหกรณ์ที่ลงทุนในภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล สามารถพัฒนาและสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติได้ด้วย ฉะนั้น ขอให้ขบวนการสหกรณ์ส่งเสริมให้สมาชิกนำเงินมาฝากในสหกรณ์มากขึ้น เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิก ช่วยกันดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เงินออมของสมาชิก ซึ่งกรมฯ ตระหนักถึงการดูแลการเงินของพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ แนะนำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ส่งเสริมให้สมาชิกใช้แอพพลิเคชันตรวจสอบความเคลื่อนไหวของหุ้น เงินฝาก ฐานะทางการเงินของสหกรณ์แบบเรียลไทม์ได้ตลอดเวลา ซึ่งนวัตกรรมนี้จะช่วยสร้างความมั่นคง ความเชื่อมั่นให้กับสหกรณ์ พร้อมทั้งจัดทำกิจกรรม/โครงการส่งเสริมการออม สร้างแรงจูงใจในการออม มีรูปแบบการออมที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ย สวัสดิการ เป็นต้น ขอให้สหกรณ์ออมทรัพย์มีบทบาทในการเสริมสร้างความมั่นคงแก่สมาชิก และช่วยเหลือขบวนการสหกรณ์ในประเทศไทยต่อไป 

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2565

กรมประมง เดินหน้าฝังไมโครชิพปลาบึกถอดรหัส DNA เล็งปั้นสายพันธุ์คุณภาพ พร้อมวางแนวทางศึกษาวิจัยเพาะขยายพันธุ์คงความหลากหลายก่อนสูญพันธุ์


 

          กรมประมง จัดทำข้อมูลรหัสประจำตัวปลาบึกอิงหลักพันธุศาสตร์พร้อมติดเครื่องหมาย (ไมโครชิพ) จำนวน 100 ตัว ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำหรับเป็นฐานข้อมูลระบุพันธุกรรมป้องกันการผสมพันธุ์ในสายเลือดเดียวกัน พร้อมเดินหน้าสร้างปลาบึกสายพันธุ์คุณภาพเพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมที่สามารถปรับตัวได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนวางแนวทางบริหารจัดการปลาบึกเพื่อการอนุรักษ์ที่เหมาะสมในแม่น้ำโขงและการเพาะขยายพันธุ์เพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมอันจะนำไปสู่การต่อยอดด้านการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ต่อไป    



          นายประพันธ์  ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “ปลาบึก” ถือเป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจัดเป็นปลาที่อยู่กลุ่มสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์” (CITES) ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I) ในประเทศไทยพบการกระจายตัวอยู่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี กรมประมงได้ศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาบึกจนประสบความสำเร็จด้วยวิธีผสมเทียมครั้งแรกของโลกเมื่อปีพ.ศ. 2526 ปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะขยายพันธ์ปลาบึก และได้นำลูกพันธุ์ปลาที่ได้กระจายให้กับหน่วยงานกรมประมงทั่วประเทศเพื่อพัฒนาต่อยอดการขยายพันธุ์ทั้งในบ่อดินและบ่อซีเมนต์เพื่อไม่ให้ปลาบึกสูญพันธุ์ไป




          นอกจากนี้ กรมประมงได้ให้ความสำคัญกับการนำหลักพันธุศาสตร์มาวางแผนการผสมพันธุ์ทั้งในด้านจำนวนพ่อแม่พันธุ์ วิธีการผสม การนำปลารุ่นใหม่มาทดแทนพ่อแม่พันธุ์ปลาชุดเก่า ตลอดจนควบคุมกิจกรรมในโรงเพาะฟัก และควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมให้เป็นไปในทิศทางที่ดี หลีกเลี่ยงการผสมเลือดชิด เพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมที่มีอยู่ไว้ให้มากที่สุด โดยในปี 2565 ได้วางแนวทางเบื้องต้นในการบริหารจัดการปลาบึกเพื่อการอนุรักษ์ในแม่น้ำโขงและการเพาะขยายพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ ดังนี้  

          1. วางแผนบริหารจัดการพันธุ์ปลาบึกให้เหมาะสมต่อการเพาะพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์และปลาบึกที่เหมาะสมต่อการปล่อยในถิ่นกำเนิดแม่น้ำโขง

          2. มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกจังหวัดรวบรวมข้อมูลความหลากหลายของปลาบึกที่อยู่ในจังหวัดและรายงานให้ทราบถึงแหล่งที่มาทางพันธุกรรมของพ่อแม่พันธุ์ปลาบึก

          3. มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด บูรณาการร่วมกันจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับปลาบึกเพื่อเสนอขอทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)  




          และล่าสุดเพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ ตลอดจนควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมปลาบึกกรมประมงได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลรหัสประจำตัวปลาพร้อมฝังไมโครชิพ เพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับตัวปลา อาทิ แหล่งที่มา เพศปลา รวมถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกับข้อมูลเครื่องหมายพันธุกรรมเพื่อระบุคู่ผสมที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำแผนการเพาะพันธุ์ปลาบึกให้คงความหลากหลายทางพันธุกรรมอย่างยั่งยืน  



          นายสง่า ลีสง่า  ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กล่าวเพิ่มเติมว่า การฝังไมโครชิพในครั้งนี้ กรมประมงได้ทำการฝังไมโครชิพในปลาบึกน้ำหนัก 10 - 60 กิโลกรัม จำนวน 100 ตัวที่นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการทรัพยากรประมง ได้มอบให้กรมประมงไว้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย ด้วยกระบอกฉีดพิเศษที่ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกายสัตว์น้ำเมื่อฝังไมโครชิพเข้าไปชั้นใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ พร้อมเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต อาทิ น้ำหนัก ความยาวลำตัวและรอบอก ตลอดจนเก็บตัวอย่างครีบปลาบึกเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลด้านดีเอ็นเอในอนาคต เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลทางพันธุกรรมก่อนกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ  

          รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การเพาะขยายพันธุ์ปลาบึก ความยากอยู่ที่การลำเลียงพ่อแม่พันธุ์ขึ้นมาศึกษาวิจัย โดยไม่ให้ได้รับความบอบช้ำ เนื่องจากเป็นปลาที่ตายง่ายมาก อีกทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติเสื่อมโทรมลงทำให้ประชากรปลาบึกไม่สามารถสืบพันธุ์และเจริญเติบโตได้ทันต่อความต้องการ ส่งผลให้จำนวนประชากรปลาบึกตามธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกรมประมงที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในอนุรักษ์ปลาบึกเพื่อคงไว้ในแม่น้ำโขงสืบไป


 

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2565

“คูโบต้า พลังใจสู้ภัยหนาว” จัดคาราวานเสื้อกันหนาวเป็นปีที่ 23 พร้อมจับมือ “กองทัพบก” เดินหน้ามอบไออุ่นให้ผู้ประสบภัยหนาว 10,000 ตัว สมาคมสื่อเกษตรฯร่วมกิจกรรม

    บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสานต่อโครงการ “คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 จัดขบวนคาราวานร่วมกับกองทัพบก ลงพื้นที่มอบเสื้อกันหนาว 10,000 ตัว ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยหนาว และขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ใน 4 จังหวัด ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจับมือร้านค้าผู้แทนจำหน่ายมอบอุปกรณ์กีฬาและสิ่งของจำเป็นให้กับชุมชนในพื้นที่ ตอกย้ำการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันในการมุ่งมั่นเคียงข้างสังคมและเกษตรกรไทย ในการนี้ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ได้ร่วมแจกเมล็ดพันธุ์ผัก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด หรือเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง และแจกหน้ากากอนามัย ที่ได้รับการสนัลสนุนจากสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ในงานนี้ด้วย



     นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “โครงการ KUBOTA พลังใจสู้ภัยหนาว เป็นกิจกรรมที่สยามคูโบต้า ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ห่างไกล และแสดงความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เด็กๆ เยาวชน รวมถึงพี่น้องเกษตรกรทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 44 ปี เราตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของสยามคูโบต้า ทั้งนี้ สยามคูโบต้าได้รับความร่วมมือจากกองทัพบกที่ทำงานใกล้ชิดดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล จึงมีความเข้าใจและเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมายร่วมกัน โดยเราจะพิจารณาพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล และมีประชาชนที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว นอกจากนี้ยังคำนึงถึงความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ภัยหนาวด้วย




     สำหรับในปีนี้ สยามคูโบต้าได้แบ่งปันความอบอุ่นผ่านเสื้อกันหนาว 4 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดตาก และจังหวัดลำปาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดหนองคาย และจังหวัดเลย รวมทั้งสิ้นจำนวน 10,000 ตัว มูลค่ารวม 3,000,000 บาท พร้อมกันนี้ ยังได้รับร่วมมือจากร้านค้า                   ผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้าในพื้นที่ ดำเนินกิจกรรม Better Together เคียงข้างสร้างอนาคต มอบอุปกรณ์กีฬาเพื่อเสริมสร้างทักษะกีฬาและการออกกำลังกายให้แก่เยาวชน และสิ่งของจำเป็นเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่อีกด้วย เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันความอบอุ่น และสร้างกำลังใจในทุกพื้นที่ที่เราได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ได้เห็นความสุขของพี่น้องประชาชนและเด็กๆ ทั้งนี้ สยามคูโบต้าต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ให้ความร่วมมือในการเดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิต และแบ่งปันพลังแห่งความอบอุ่นเคียงข้างพี่น้องประชาชนและสังคมไทย” 



    พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า “กองทัพบกเป็นหน่วยงานที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ พร้อมเข้าให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนในทุกกรณีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสยามคูโบต้า เป็นภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 9 ปี 



    ทั้งนี้ จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในห้วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้น การรับมอบเสื้อกันหนาวในครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นการร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างกองทัพบก และสยามคูโบต้าในการสนับสนุนแก้ไขปัญหาภัยหนาวให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กิจกรรมที่จะร่วมกันจัดขึ้นในพื้นที่จะทำให้ประชาชนได้มีรอยยิ้ม มีความสุข รวมทั้งได้รับความอบอุ่นจากเสื้อกันหนาวที่มอบสู่ประชาชนในโอกาสเดียวกัน” 

    จากวันแรกของการริเริ่มโครงการจวบจนปีที่ 23 วันนี้สยามคูโบต้าได้บรรเทาความหนาวให้พี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 160,000 ราย ด้วยความมุ่งหวังสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ พร้อมมุ่งมั่นตอบแทนสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกร และร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดียิ่งขึ้น

พื้นที่มอบเสื้อกันหนาว โครงการ “คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” ปีที่ 23 ได้แก่

จังหวัดตาก บ้านแม่หละคี ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง บ้านเลอตอ ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด บ้านพะกา ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดลำปาง ตำบลปงเตา อำเภองาว จังหวัดเลย ตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือ ตำบลน้ำทูน อำเภอท่าลี่ จังหวัดหนองคาย ตำบลนางิ้ว อำเภอสังคม ตำบลแก้งไก่ อำเภอสังคม



.    ด้าน ดร.อภิวัฒน์ จ่าตา นายกสมาคมสื่อมวลชนเกษตรเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า นับเป็นกิจกรรมที่ดีที่ทาง บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำเพื่อสังคม สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จึงเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยประสานกับพันธมิตรทางการเกษตร คือ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด หรือเมล็ดพันธ์ุตราศรแดง สนับสนุนเมล็ดพันธ์ุผัก แจกจ่ายให้กับศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้ายแมาหละคี อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อปลูกเป็นอาหารกลางวัน และแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชน

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2565

แม็คโคร รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจาก มกอช. ตอกย้ำการเป็นสถานจำหน่ายสินค้าเกษตรที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน ปลอดภัย


    บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นางจุฑารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประกันคุณภาพ รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเพื่อยกย่องผลการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม ในส่วนของสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน Q (Q Modern Trade) และสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organics Shop) ดีเด่น ระดับทอง จาก นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการ มกอช. ภายในงานวันสถาปนา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีที่มี นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ณ ห้องประชุม สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรุงเทพฯ

    ทั้งนี้ แม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ ได้เข้าร่วมโครงการสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน Q  (Q Modern Trade) และสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organics Shop) เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจในการควบคุมคุณภาพสินค้า และเป็นสถานที่จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานปลอดภัย ตอกย้ำการเป็นช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งเพื่อกระจายผลผลิตจากเกษตรกรไทยไปสู่มือผู้ประกอบการและผู้บริโภค

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2565

กรมส่งเสริมการเกษตรจัดจำหน่าย “สินค้าเด่น 6 ภาค” และ ฝึกอาชีพด้านการเกษตร ฟรี ในวาระครบรอบ 55 ปี วันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร

    กรมส่งเสริมการเกษตรเชิญผู้สนใจร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยมจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเด่น6 ภาค มาจำหน่ายในงาน พร้อม Kick Off  ฝึกอาชีพด้านการเกษตร 55 หลักสูตรฟรีตลอดปี 2566 โดยนำร่องก่อน 5 หลักสูตร ในกิจกรรม ฝึกอาชีพเกษตรโดนใจคนเมือง เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร ปีที่ 55 ระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2565



    นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร ครบรอบ 55 ปี กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้น ระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2565 ประกอบด้วย กิจกรรมเปิดตัวสินค้าเด่น 6 ภาค ซึ่งคัดสรรมาจากสินค้าเกรดพรีเมี่ยมจากเกษตรกรทั่วประเทศมาจำหน่ายในงาน และกิจกรรมKick Off  ฝึกอาชีพเกษตร โดนใจคนเมือง โดยจัดสอนหลักสูตรฝึกอาชีพด้านการเกษตรระยะสั้น ทำง่าย ทำได้จริง เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวน 55 หลักสูตร พร้อมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเกษตรในปี งบประมาณ 2566 ภายใต้แนวคิด “Keep Going, Keep Growing” ที่ขับเคลื่อนด้วย BCG Model สอดคล้องกับการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ พร้อมผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในงานส่งเสริมการเกษตรให้ครอบคลุมภารกิจต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ เพื่อมุ่งสู่เกษตรมูลค่าสูง ขับเคลื่อนงานพระราชดำริ และเกษตรกรรมยั่งยืน สร้างผู้ประกอบการเกษตรสมัยใหม่ เสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ และการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการองค์กร





    อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมเปิดตัวสินค้าเด่น 6 ภาค จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2565 ณ ลานจอดรถ อาคาร 1 กรมส่งเสริมการเกษตร ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้แนวคิด การเปิดตัวสินค้าที่มีจุดเด่นที่กรมส่งเสริมการเกษตรคัดเลือกจากทั่วประเทศ เช่น มียอดขายสูง มีการใช้นวัตกรรม มีการต่อยอดทางด้านการตลาด เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จของยอดจำหน่ายรวม 500 ล้านบาทในเวลาเพียงแค่ 2 ปี ของเว็บไซต์ www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ภายใต้สโลแกน “เกษตรกรจริงจริงทุกสิ่งปลอดภัย เพียงคุณสั่ง เราพร้อมส่ง” ซึ่งรวบรวมสินค้าฝีมือเกษตรกรเอาไว้ถึง 1,044 รายการ กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าเกษตรที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นและมีนวัตกรรม 9 กลุ่มสินค้า ได้แก่ อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม ผลไม้ ข้าวและธัญพืช สมุนไพรและเครื่องสำอาง ผ้าและเครื่องแต่งกาย หัตถกรรมและสิ่งประดิษฐ์ ผัก ไม้ดอกไม้ประดับ และอื่น ๆ  โดยสินค้าเด่น 6 ภาคที่คัดสรรมา อาทิ ชุดทดลองเพาะต้นอ่อนทานตะวัน จากลพบุรี มะนาวน้ำผึ้ง อบแห้ง จากราชบุรี เมล่อน จากมาลีฟาร์ม@อรัญ จ. สระแก้ว ข้าวแตนพันหน้า จากขอนแก่น กล้วยหนึบ จากเชียงใหม่ และกาแฟถ้ำสิงห์ กาแฟโรบัสต้าคุณภาพ จากชุมพร นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ จากเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งนำสินค้าดี สินค้าเด่นของแต่ละจังหวัดมาจำหน่าย จำนวน 30 บูธ อาทิ อโวคาโดพันธุ์ดีจากจังหวัดตาก มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สับปะรดบ้านคาราชบุรี ส้มโอทับทิมสยามจากนครศรีธรรมราช มะพร้าวน้ำหอมคุณภาพจากจังหวัดสมุทรสาคร ผลิตภัณฑ์ลำไยแปรรูปจากลำพูน และผักสลัดคุณภาพดีจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีสินค้าแปรรูปด้านการเกษตรอีกมากมายอีกด้วย




    สำหรับกิจกรรมฝึกอาชีพด้านการเกษตร ประกอบด้วย 55 หลักสูตร ภายใต้แนวคิด “55 หลักสูตร 55 ปี กรมส่งเสริมการเกษตร” โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 เป็นการเปิดตัว “กิจกรรมอบรมฝึกอาชีพเกษตร โดนใจคนเมือง” ณ อาคาร 7 กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดอบรมจำนวน 5 หลักสูตร เป้าหมายผู้เข้าอบรม 550 คน ได้แก่ การปลูกผักคนเมือง การเพาะต้นอ่อนผักงอกสำหรับคนเมือง น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า และก๋วยเตี๋ยวลุยสวนจากผักงอก ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนทั่วไปที่สนใจลงทะเบียนสมัครเข้าอบรมล่วงหน้า โดยภายในงานยังมีไฮไลต์คือ การนำเสนอแนวคิดในการปลูกผักในพื้นที่จำกัด เช่น การปลูกผัก “ชูรส” ได้แก่ ข่า ขิง กระชาย ขมิ้น การปลูกผัก “ชูกลิ่น” ได้แก่ กะเพรา โหระพา สะระแหน่ แมงลัก และผักเมนูอาหาร “ผัดฉ่า” ต้มยำ” “แกงอ่อม” และ “แกงเขียวหวาน” และการศึกษาดูงานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลด้วย นอกจากนี้กรมส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการจัด “กิจกรรมอบรมฝึกอาชีพ มีดีที่ศูนย์ปฏิบัติการฯ” จำนวน 50 หลักสูตร ณ ศูนย์ปฏิบัติการของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งตั้งอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 - สิงหาคม 2566 โดยจะเป็นหลักสูตรที่เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมเมือง สอดคล้องกับหลักการของ BCG Model และการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565

แม็คโคร ผนึกภาครัฐ ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ลงพื้นที่มอบสิ่งของจำเป็นต่อเนื่อง


    บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  ตอกย้ำนโยบายการดำเนินธุรกิจเคียงข้างชุมชน ระดมพนักงานทั่วประเทศ ร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมนำน้ำดื่ม สิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพส่งมอบแทนความห่วงใย




     “แม็คโคร” ทุกสาขาต่างให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย ยึดมั่นกับจุดยืนคนไทยไม่ทิ้งกัน เคียงข้างในทุกสถานการณ์  โดยเฉพาะสาขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ได้รวบรวมทีมพนักงานจิตอาสา ทยอยลงพื้นที่มอบสิ่งของจำเป็นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมยังคงสร้างผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายจังหวัด โดย กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ สรุปพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ (16 ต.ค.65) จำนวน 59 จังหวัด มีประชาขน 425,287 ครัวเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว   





    พร้อมกันนั้น ยังร่วมมือกับกรมการค้าภายใน จัดเตรียมสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และกระจายสินค้าอย่างทั่วถึงโดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัย ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน รวมถึงการดูแลลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย โชห่วย และร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ให้ฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว


 

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เกษตรฯ ขึ้นรับรางวัล BRONZE AWARD จากการนำเสนอพืชสวนไทยผ่าน Thailand Pavilion ในงาน EXPO 2022 Floriade Almere

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้เข้าร่วมงาน The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม2563 นั้น และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการในนามประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานราชการอี่นๆ และภาคเอกชน โดยตลอดการจัดงานกว่า 6 เดือน Thailand Pavilion นอกจากมีความโดดเด่น สวยสง่าด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ที่ได้รับการจัดวางรายล้อมรอบอาคารแล้วยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ ส่งผลให้มียอดผู้เข้าชมThailand Pavilion รวมกว่า 
3.05 แสนคน






ดร.เฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 9 ตุลาคม 2565 มีพิธีปิดการจัดงาน EXPO 2022 Floriade Almere และได้มอบหมาย นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรงอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นผู้แทนเข้าร่วมงานดังกล่าว และในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอแสดงความยินดีกับ Thailand Pavilion ที่ได้รับรางวัล BRONZE AWARD สำหรับ Official Participants Competition Indoor Presentation ในการจัดงาน The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) จากการเข้าร่วมงานในนามของประเทศไทย ผ่านแนวคิด “TRUST Thailand” เข้าใจทุกความแตกต่าง เชื่อมั่นความปลอดภัย เปิดโลกทัศน์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ มุมมองที่คุณไม่เคยเห็น ที่นี่ประเทศไทย โดยมีบ้านไทย หรือ Thailand Pavilion เป็นสัญลักษณ์ความเป็นไทยที่ตั้งตระง่านอยู่กลางสถานที่จัดงาน EXPO 2022 Floriade Almere 
 ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ทำให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าด้านการเกษตรของประเทศไทย การสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรและสินค้าเพื่อสุขภาพของไทย การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือเรื่องพืชสวนระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปสู่ผู้บริโภคหรือคู่ค้าในระดับสากล



นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า งานมหกรรมพืชสวนโลก The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) ในปีนี้จบลงได้ด้วยความช่วยเหลือจากทุกๆ ฝ่าย ทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ที่ร่วมแรงร่วมใจในการส่งเสริมสินค้าเกษตรไทย ให้เป็นที่รู้จักต่อนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายชาตรี อรรจนานันท์ เอกอัครราชทูต  กรุงเฮก ที่คอยสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ดำเนินการจัดขึ้น ณ Thailand Pavilion และสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ตัวกลางหลัก ในการนำสินค้าเกษตรเปิดตลาดในห้างสรรพสินค้าทั้งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศสได้เป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งกรมศิลปากรที่ร่วมกันออกแบบ ตกแต่งบรรยากาศรอบ Thailand Pavilion จนทำให้ประเทศไทยสามารถได้รับรางวัล BRONZE AWARD มาครองในครั้งนี้

 

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...