“ที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อไปศึกษาสภาพคล่องของสหกรณ์เจ้าหนี้เฉพาะ 87 เจ้าหนี้การบินไทยว่าสามารถลงทุนเพิ่มเติมได้เท่าไหร่ ที่จะไม่กระทบต่อการดำเนินงานและความมั่นใจของสมาชิก ซึ่งสหกรณ์จะลงทุนได้หรือไม่นั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์นั้น ๆ เสียก่อน รวมไปถึงต้องพิจารณาความเสี่ยงในการลงทุน ให้รอบด้านตามข้อสังเกตของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้รวบรวมผลการศึกษาทั้งหมดเสนอคณะอนุกรรมการฯ ภายใน 1 เดือน ก่อนที่จะพิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) ในเดือน มี.ค. 2565 ซึ่งตามข้อเสนอของตัวแทนคณะสหกรณ์เจ้าหนี้การบินไทยได้ยกประเด็นว่า หุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้ทาง บมจ.การบินไทย จะมีหลักประกันเต็มจำนวน โดยมีระยะเวลาชำระคืน 6 ปี หากการบินไทยสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นก็จะสามารถชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์เจ้าหนี้ได้ก่อนกำหนดตามแผนได้อีก 10% ด้วย” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว
ทั้งนี้ คณะทำงานที่ตั้งขึ้นประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้แทนสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย โดยมีกลุ่มพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นเลขานุการ
สำหรับข้อเสนอของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) ที่เสนอต่อคณะกรรมการการลงทุนได้พิจารณาประกอบด้วย 1. ขอให้พิจารณาเห็นชอบให้สหกรณ์ลงทุนในหุ้นกู้ของ บมจ.การบินไทย 2. ขอให้พิจารณาเห็นชอบให้สหกรณ์สามารถซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.การบินไทย ได้เพื่อใช้สิทธิ์ในการแปลงหนี้เป็นทุน โดยข้อเสนอของ บมจ.การบินไทย ประกอบด้วย 1. กรณีการออกหุ้นกู้จะมีหลักประกันเต็มจำนวน และสหกรณ์เจ้าหนี้จะได้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญของ บมจ. ได้ในจำนวนเดียวกับที่ให้สินเชื่อใหม่ที่ราคาหุ้นละ 2.5452 บาท และ 2. จะได้สิทธิในการรับชำระภาระหนี้เดิมก่อนกำหนดสัดส่วนร้อยละ 10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น