โดยทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยขอเสนอให้ยางพาราอยู่ในเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 ทั้งนี้เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศทั้งในรูปผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่มีการแปรรูปจากวัตถุดิบน้ำยางจากต้นยาง เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า ถือว่าเป็นพืชที่มีศักยภาพมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 555,401 ล้านบาทต่อปี (กรมวิชาการเกษตร 2565) และพื้นที่ปลูกยางพาราในภาคตะวันออกมีจำนวนมากเป็นลำดับ 2 รองจากภาคใต้ และอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)เช่นเดียวกับพืชอื่นๆใน 5 คลัสเตอร์ดังกล่าวข้างต้นด้วย ซึ่งหากได้บรรจุยางพาราเป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 จะช่วยเป็นการยกระดับรายได้เกษตรกรและมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรเพิ่มสูงขึ้น
“ผมเสนอแนวทางเพิ่มเติมว่าควรให้มีการพัฒนาพืชยางพารา ให้สอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ซึ่งควรเน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูงเช่นเดียวกับผลไม้ รวมทั้งเน้นการเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและสร้างเศรษฐกิจใหม่เช่นเดียวกับประมงเพาะเลี้ยง และยกระดับผลผลิตให้มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดส่งเสริมการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้าเช่นเดียวกับพืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ นอกจากนี้ควรมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (EEC) เช่นเดียวกับพืชสมุนไพร รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูงเช่นเดียวกับเกษตรมูลค่าสูง ดังนั้นผมขอวิงวอนให้รัฐบาลทบทวนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่ม “พืชยางพารา” เป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 โดยให้มีการทบทวนแผนปฏิบัติการ รวมทั้งยุทธศาสตร์และกรอบวงเงินในการดำเนินโครงการต่อไป”ดร.อุทัย กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ทางสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการยางและถุงมือยาง สถาบันการสร้างชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะได้ร่วมมือกันจัด งานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023 ระหว่างวันที่ 22 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ตลาดกลางยางพาราภาคตะวันออก ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เพื่อให้เห็นศักยภาพ ความพร้อมยางพาราของไทยในพื้นที่เขต EEC สู่การผลักดันให้เพิ่ม “พืชยางพารา” เป็นเป้าหมายคลัสเตอร์ที่ 6 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงานครั้งนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น