นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์
รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องและรุนแรง เป็นปีที่ 2
และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะคลี่คลายลงเมื่อใด ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนักหน่วงและกว้างขวาง
ซึ่งพี่น้องชาวนาไทยก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
กรมการข้าวจึงตระหนักต่อปัญหาที่พี่น้องชาวนากำลังเผชิญโดยเฉพาะเรื่องของความต้องการเมล็ดพันธุ์ดีที่ยังไม่เพียงพอ
โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 70 ล้านไร่
มีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีเพาะปลูกปีละประมาณ 1,364,800 ตัน
แต่ในขณะเดียวกันกรมการข้าว
รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร ศูนย์ข้าวชุมชน
และภาคเอกชนร่วมกันจะสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ดีได้ประมาณ 537,000 ตัน จำแนกเป็น
กรมการข้าว 95,000 ตัน สหกรณ์การเกษตร 30,000 ตัน ศูนย์ข้าวชุมชน 112,000 ตัน
และภาคเอกชน 300,000 ตัน หรือประมาณ 40%
ของปริมาณเมล็ดพันธุ์ดีต้องการใช้ในการยกระดับคุณภาพและปริมาณการผลิตข้าวของประเทศไทย
ถึงแม้ต่อมากรมการข้าวจะได้รับงบประมาณเงินกู้เพื่อใช้ดำเนินการเพิ่มศักยภาพการผลิตและปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวไป
จนสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ได้ส่วนหนึ่งจากเดิมที่เคยมีกำลังการผลิต
85,000–95,000 ตัน/ปี เป็น 120,000 ตัน/ปี
รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อไปว่า
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ดีให้ให้กับพี่น้องชาวนา
กรมการข้าวจึงเสนอของบประมาณเพื่อดำเนินงานโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตและประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้น
เพื่อรองรับเป้าหมายการผลิตเมื่อดำเนินการโครงการเดิมเสร็จสิ้น 120,000 ตัน/ปี
และเพิ่มกำลังการผลิตอีก 32,000 ตัน/ปี รวมเป็น 152,000 ตัน/ปี
ซึ่งจะก่อให้เกิดอาชีพผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กรมการข้าว จำนวน 4,400 ราย
กระตุ้นการจ้างแรงงานภาคการเกษตรในชุมชน
สนับสนุนและส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเข้าไปในระบบการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์
ยกระดับ ปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าวของประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการ
คือการเพิ่มศักยภาพโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์
โดยการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ ปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว
เพื่อทดแทนของเดิมที่มีอายุการใช้งานมานาน และประสิทธิภาพการทำงานต่ำ
ไม่สอดคล้องกับความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ปัจจุบัน จำนวน 9 ชุด
และจะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ข้าว
โดยการก่อสร้างอาคารโรงเก็บเมล็ดพันธุ์ ปรับอากาศพร้อมครุภัณฑ์ประกอบ จำนวน 15
แห่ง สำหรับใช้เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ข้าวระยะยาวเพื่อ รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น
การเกิดโรคและศัตรูข้าวระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การผันผวนของความต้องการ
พันธุ์ข้าว ราคาข้าวเปลือก เศรษฐกิจครัวเรือนและสำรองไว้เพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศ
สำหรับแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน
มีกระบวนการเริ่มจากกรมการข้าว โดยกองวิจัยและพัฒนาข้าวเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์คัดและเมล็ดพันธุ์หลัก
กองเมล็ดพันธุ์ข้าวรับข้าวพันธุ์หลักจากกองวิจัยและพัฒนาข้าวมาผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ขยาย
และหลังจากนั้นสมาคมผู้รวบรวม ศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์
เป็นผู้รับเมล็ดพันธุ์ขยายต่อไป ซึ่งหากพบความเสียหายของเมล็ดพันธุ์ข้าวผู้แทนจำหน่ายให้ชาวนา
จะต้องแสดงหลักฐานบาร์โค้ดที่มาของเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ชัดเจน
เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น