กรมประมง...เปิดตัวหัวเชื้อจุลินทรีย์
ปม. 2 ผลสำเร็จภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมประมง และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมขยายผลสู่เกษตรกร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงกุ้งทะเลให้เกิดความยั่งยืน
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลในประเทศไทยยังมีอุปสรรคหลายด้าน
ทั้งสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม โรคระบาด การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
อีกทั้งผลผลิตที่ได้ยังมีความเสี่ยงจากการตกค้างของสารปนเปื้อนต่างๆ
ที่ใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคในสัตว์น้ำอีกด้วย
ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้จุลินทรีย์ ปม.1 เพื่อช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์
ลดปริมาณเชื้อก่อโรคในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในสิ่งแวดล้อม
ทำให้สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและลดการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์น้ำลงได้
ซึ่งเกษตรกรให้ความสนใจนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตาม
สภาวะปัจจุบันเชื้อก่อโรคยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้การใช้จุลินทรีย์ ปม.1 เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถช่วยลดต้นทุน
และไม่เพียงพอที่จะทำให้ผลผลิตของสัตว์น้ำสูงขึ้น
ทำให้จำเป็นต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติก
(probiotic) ที่มีประสิทธิภาพในการใช้ป้องกันและควบคุมโรค
ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารในสัตว์น้ำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะ “กุ้งทะเล” ซึ่งมีโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Vibrio
parahaemolyticus สายพันธุ์ที่สามารถสร้างสารพิษ
ทำให้เกิดโรคตายด่วน หรือ EMS
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา กรมประมง และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย นายมีศักดิ์ ภักดีคง
อธิบดีกรมประมง และ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
จึงร่วมลงนามความร่วมมือ “การวิจัย พัฒนา
และนวัตกรรมทางด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” เพื่อพัฒนาการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์
ปม. 1
ให้มีประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมากยิ่งขึ้น โดยได้ผลิตเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 จนสำเร็จ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติก
สามารถป้องกันและควบคุมโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารได้
สำหรับส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ตลอดสายการผลิตกุ้งทะเล ตั้งแต่การเตรียมบ่อ
การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ การอนุบาล จนถึงในระหว่างการเลี้ยง
เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกุ้งทะเล
เพิ่มอัตรารอด ลดต้นทุน ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายชาลี จิตประสงค์
ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งฉะเชิงเทรา
หนึ่งในเกษตรกรที่กรมประมงได้นำร่องในการทดลองใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 เปิดเผยว่า ได้ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 ร่วมกับการบริหารจัดการฟาร์มที่เหมาะสมทั้งระบบ ตั้งแต่โรงเพาะฟัก
โรงอนุบาล และบ่อเลี้ยง เป็นเวลากว่า 5-6 เดือน ผลปรากฏว่า
กุ้งมีการเจริญเติบโตดี มีความแข็งแรง และมีอัตรารอดมากขึ้น สามารถช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยง
และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
รวมทั้งช่วยฟื้นฟูคุณภาพน้ำที่เกิดจากกิจกรรมการเพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดีด้วย
สำหรับสูตรการใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 ในแต่ละขั้นตอนมีดังนี้
1. โรงเพาะฟัก
ให้ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 ผสมกับอาหารเสริมสำหรับเลี้ยงลูกกุ้งทะเลในระยะซูเอี้ย
จะช่วยให้ลูกกุ้งมีความแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น
2. โรงอนุบาล
ผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2
เพื่อเป็นโพรไบโอติกในการอนุบาลลูกกุ้งทะเล ตามอัตราส่วนดังนี้ หัวเชื้อจุลินทรีย์
ปม. 2 ปริมาณ 20 มิลลิกรัม
น้ำตาลกลูโคส ปริมาณ 10 กรัม น้ำ ปริมาณ 1 ลิตร และอาหารกุ้งปริมาณ 2 กรัม เติมอากาศนาน 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปผสมกับอาหารกุ้งในอัตราส่วน 1 ลิตร ต่ออาหารกุ้ง 1 กระสอบ
สามารถเพิ่มจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเกิดไบโอฟิล์ม
อันเป็นสาเหตุหนึ่งในขบวนการสร้างสารพิษในระบบทางเดินอาหารของกุ้งทะเล
โดยเฉพาะการเกิดโรคตายด่วน หรือ โรค EMS/AHPND และโรคเรืองแสงในกุ้งทะเลได้เป็นอย่างดี
3. บ่อเลี้ยง
สูตรมาตรฐานที่แนะนำ คือ อาหารกุ้ง ปริมาณ 200 กรัม
จุลินทรีย์ ปม. 2 ปริมาณ 200 มิลลิลิตร
น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลกลูโคส ปริมาณ 500 กรัม ต่อน้ำ ปริมาณ 200 ลิตร เติมอากาศ 24 ชั่วโมง
จากนั้นจึงเติมลงในบ่อกุ้ง ในอัตราส่วน 50-200 ลิตร/ไร่
ก็จะช่วยให้ย่อยสลายสารอินทรีย์ลดการเกิดไบโอฟิล์มและลดการสะสมของเชื้อก่อโรคภายในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันกรมประมงได้ดำเนินการตั้งหน่วยผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์
ปม.2
และสนับสนุนให้ศูนย์จุลินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม. 2 ไปแล้ว ในพื้นที่ 24 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดจันทบุรี ตราด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม นครปฐม
ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช
พัทลุง ปัตตานี สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
และจะกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ
เพื่อให้ครอบคลุมเขตการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและกุ้งทะเลทั่วประเทศ ซึ่งในปี 2564 กรมประมงได้ตั้งเป้าหมายการผลิตจุลินทรีย์ ปม.2
จำนวน 143,110 ซอง/ขวด
โดยจะแจกจ่ายให้กับเกษตรกรได้นำไปใช้ในการเลี้ยงกุ้งทะเลได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
ทั้งนี้
เกษตรกรผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง โทรศัพท์ 0 2561 3997 หรือที่ Facebook Page : กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น