เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กรมการข้าวได้จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี ปอยข้าวสาลี” เพื่อประชาสัมพันธ์
เผยแพร่ผลงานของโครงการวิจัย “การพัฒนาการผลิตธัญพืชเมืองหนาวเป็นพืชหลังนาเพื่อการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรภาคเหนือตอนบน”
และเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปธัญพืชเมืองหนาว
สู่การนำไปใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่า นำไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ตาม BCG
model โดยจัดขึ้นที่ศูนย์วิจัยข้าวสะเมิง อำเภอสะเมิง
จังหวัดเชียงใหม่
นายทองเปลว กองจันทร์
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ข้าวสาลีเป็นที่นิยมมาก
ตลาดมีความต้องการสูงถึง 382 ตันต่อปี
และในอนาคตตลาดข้าวสาลีในไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น
งานนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือกันของหลายหน่วยงานอย่าง กรมการข้าว
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสำนักงานการพัฒนาการวิจัยการเกษตร
หรือ สวก. ที่ต้องการพัฒนาการผลิตข้าวสาลีในประเทศไทยให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
ตรงความต้องการของตลาด และสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น
เพราะเป็นพืชที่ปลูกหลังการทำนาได้ และสามารถแปรรูปได้อย่างหลากหลาย
ใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วน จึงมีการเร่งพัฒนาและผลักดันการผลิตข้าวสาลีในประเทศไทย
ด้านนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์
รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า
ข้าวสาลี ธัญพืชเมืองหนาว มีบทบาทต่อคนในสังคมไทยในปัจจุบันมาก
เพราะใช้เวลาในการปรุงน้อย แต่ให้คุณค่าทางอาหารสูง อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้นของข้าวสาลีไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปเป็นน้ำคั้นจากต้นอ่อน
แปรรูปเป็นขนมปัง หรือแม้กระทั่งนำช่อข้าวสาลีมาทำช่อดอกไม้
รวมไปถึงการใช้ฟางมาทำหลอดดูดน้ำ หรืออาหารสัตว์
จึงทำให้ข้าวสาลีเป็นที่นิยมทางด้านการตลาดของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ
มากมายไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ
การจัดนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยและพัฒนาข้าวสาลีและธัญพืชเมืองหนาวเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี
เช่น นิทรรศการด้านเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมสำหรับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
นิทรรศการด้านการแปรรูปและผลิตภัณฑ์
นิทรรศการด้านเมล็ดพันธุ์และวิทยาการเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น การจัดกิจกรรม “กาดมั่ว คัวฮอม” สาธิต/แสดง/ชิม/จำหน่ายข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากธัญพืชเมืองหนาว
การจัดทำคู่มือการผลิตธัญพืชเมืองหนาวที่เหมาะสมสำหรับภาคเหนือตอนบน
และการจัดทำคู่มือการผลิตและแปรรูปน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี (wheat grass)
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมและเกษตรกรนาแปลงใหญ่ให้เห็นถึงความพร้อมในการรองรับของตลาดข้าวสาลีไทยที่ในอนาคตที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น
โดยมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาให้ความร่วมมือ ไม่ใช่เพียงหวังแต่ให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
แต่เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจอีกด้วย
หากต้องการติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ Facebook “ศูนย์วิจัยข้าวสะเมิง” และ Facebook “Rice News Channel” หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 09-3312-1881
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น