โครงการนวัตกรรมการผลิตอิฐบล็อกประสานและกระถางต้นไม้จากมูลโคเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
เป็นโครงการที่หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ
หรือ บพข. ได้สนับสนุนทุนวิจัยในปีงบประมาณ 2565 โดยมี ดร.ณัฐภร แก้วประทุม นักวิชาการ 7
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาการเลี้ยงโคนม องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
เป็นหัวหน้าโครงการ ร่วมกับนักวิจัยจาก 3 สถาบัน ได้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฏร์ธานี
ได้ดำเนินงานวิจัยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งทำวิจัยร่วมกับฟาร์มโคนมในอำเภอมวกเหล็กจังหวัดสระบุรี
มีนายสุกิจ สิงห์กลาง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเข้าร่วมโครงการกับคณะนักวิจัย ความก้าวหน้าของโครงการได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
โดยคณะนักวิจัยให้ข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
ผศ.ดร.ประชุม คำพุฒ นักวิจัยจาก
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อธิบายว่า
การนำมูลโคนมมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับชุมชนและสอดคล้องกับ BCG นั้นมีแนวคิดหลากหลายในการนำไปใช้ประโยชน์ โดยในโครงการนี้
เลือกเทคโนโลยี (1) อิฐบล็อกประสานที่ใช้ก่อสร้างผนังอาคารประหยัดพลังงาน
ซึ่งในอดีตชาวบ้านใช้มูลสัตว์ร่วมกับฟางข้าวเป็นส่วนผสมในการทำยุ้งฉางเก็บเมล็ดพืช
ใช้ทำที่อยู่อาศัย ทำบ้านดิน มีข้อดีที่ต้นทุนต่ำ เป็นธรรมชาติ
ช่วยรักษาอุณหภูมิในห้องได้ดี นักวิจัยจึงได้นำมาพัฒนาสูตรใหม่ ให้มีความทันสมัย
น่าใช้งาน แข็งแรง สวยงาม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (2) กระถางต้นไม้โดยนำมาผสมกับสารเชื่อมประสานและขึ้นรูปด้วยเครื่องอัด
สามารถทำส่วนผสมได้ทั้งแบบย่อยสลายได้เพื่อใช้เพาะกล้าต้นไม้ทดแทนถุงเพาะพลาสติกที่เป็นขยะหลังจากใช้งานแล้ว
เมื่อปลูกต้นไม้ในกระถางย่อยสลายได้จากมูลโคได้ระยะเวลาการเติบโตที่พอเหมาะแล้วก็สามารถนำไปปลูกลงดินได้ทันที
และกระถางต้นไม้แบบไม่ย่อยสลายเพื่อเป็นกระถางปลูกต้นไม้ตกแต่งขนาดต่าง ๆ
ที่นิยมใช้ในท้องตลาด สามารถนำไปปลูกต้นไม้ขนาดเล็ก เช่น แคคตัส ไม้อวบน้ำ
และไม้ประดับอื่น ๆ ซึ่งในอนาคตทีมวิจัยยังมีเป้าหมายทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
จากมูลโคเพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ด้าน ผศ.ดร.ชุติมา ไวศรายุทธ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้รับผิดชอบในการออกแบบโซ่คุณค่า พัฒนาแบรนด์
และโมเดลธุรกิจร่วมกับทีมนักวิจัยอีก 3
ท่าน คือ ผศ. ดร. ศศรส ใจจิตร์ (วิศวะอุตสาหการ) ดร. พิธาลัย ผู้พัฒน์
(การออกแบบอุตสาหกรรม) และ ผศ.ดร.อภิญญา ลีลาวณิชกุล (การสร้างช่องทางตลาดออนไลน์)
ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
โครงการนี้ได้ประยุกต์ใช้หลักการออกแบบโครงสร้างธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ทำให้สามารถลงทุนต่อขยายโซ่คุณค่าของกิจการขายน้ำนมดิบของกลุ่มสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค
กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และองค์การบริหารส่วนตำบลมิตรภาพ
เพื่อเป็นฟันเฟืองให้นวัตกรรมอิฐและกระถางจากมูลโคเติบโตเป็นธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเริ่มจากการวางตำแหน่งแบรนด์ ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแรก
ที่อายุอยู่ในช่วงวัยทำงาน มีวิถีชีวิตคนเมือง ใช้บริการคาเฟ่ ปลูกพืช ท่องเที่ยว
ทำครัวและถ่ายรูปบนสื่อสังคมออนไลน์ (กลุ่ม Y2K) โดยกลุ่มเป้าหมายนี้
มีพฤติกรรมสร้างสมดุลการใช้ชีวิต สนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
และมีอัตลักษณ์หรือเป็นสัญลักษณ์เชิงพื้นที่
จึงเป็นเครือข่ายเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาให้เป็นระบบลูกค้าสัมพันธ์
ที่ช่วยสื่อสารเพื่อขยายตลาด เป็นตัวแทนในการหาประเด็นนวัตกรรมต่อเนื่อง
รวมทั้งอาจสนใจร่วมหลักสูตรจากศูนย์เรียนรู้ และยกระดับเป็นผู้ร่วมลงทุนในกิจการ
ที่เกิดจากนวัตกรรมการผลิต อิฐกระถาง และกิจการต่อขยายจากคาเฟ่ โดยนักวิจัยได้ร่วมทำงานกับ หัวหน้าโครงการ
และเกษตรกรเจ้าของฟาร์มโคนม
ในการออกแบบโรงงานต้นแบบการผลิตอิฐกระถางที่ใช้พลังงานโซล่าเซล
และก๊าซชีวภาพจากมูลโค
รวมทั้งใช้วัสดุหมุนเวียนทั้งอิฐก่อผนังและวัสดุมุงหลังคาซึ่งเป็นส่วนประกอบของโรงงานต้นแบบ รวมทั้งการออกแบบระบบผลิตร่วมกับนักวิจัยด้านวัสดุและสูตรอิฐกระถางที่มีมูลโคเป็นส่วนประกอบ
ซึ่งหลังจากโรงงานต้นแบบและกระบวนการผลิตเริ่มผลิตต่อเนื่อง
ต้นแบบโมเดลธุรกิจและการสร้างช่องทางการตลาดออนไลน์จะถูกพัฒนาและทวนสอบต่อไปเพื่อให้ธุรกิจเกิดเป็นวงจรหมุนเวียนและประเมินการเติบโตต่อไป
ผศ.ดร.สุทธิจิตต์ เชิงทอง จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตสุราษฏร์ธานี ให้ข้อมูลว่า
กากมูลโคเป็นผลพลอยได้จากการใช้เทคโนโลยีเครื่องแยกกาก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้จัดการน้ำทิ้งและมูลโคของฟาร์มโคนมตามแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
ก่อให้เกิดผลพลอยได้หลักสองชนิดคือก๊าซชีวภาพ และกากมูลโค จากลักษณะของโครงสร้างที่มีเนื้อละเอียดของกากมูลโคที่ได้
จึงเหมาะแก่การนำไปเป็นกระถางปลูกพืชและอิฐบล็อกประสาน ผลประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มที่เหนือกว่าการจำหน่ายในรูปแบบของปุ๋ยมูลโคมากน้อยเพียงใด
จะถูกนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มตามโมเดลต้นแบบที่ออกแบบในรูปของระบบธุรกิจที่เหมาะกับกลุ่มเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชน
ประกอบด้วย
การลงทุนด้านโรงงานและเครื่องจักรในการผลิตผลิตภัณฑ์อิฐบล็อกประสานและกระถางจากมูลโค
ตลอดจนการสร้างตราสินค้าของวิสาหกิจชุมชน เพื่อทราบถึงความคุ้มค่าในการลงทุนในภาพรวมของระบบการผลิตและการตลาดที่ออกแบบเพื่อการศึกษาครั้งนี้
ความคุ้มค่าของโมเดลต้นแบบในการผลิตผลิตภัณฑ์อิฐบล็อกประสานและกระถางจากมูลโค
จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในเชิงพาณิชย์ให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น