บนเส้นทางการเปลี่ยนพื้นที่สวนลำไย 15 ไร่ ของ “แม่นาย ไม้หมอนฟาร์ม” ให้เป็นสวนเกษตรแบบครบวงจร โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ร้านกาแฟในสวน จนเป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดเชียงรายและนักท่องเที่ยว เกิดจากความอบอุ่นของครอบครัว ที่เรียนรู้ ปรับตัว ผ่านเรื่องราว สารพัดบททดสอบ ด้วยความมุ่งมั่น ขยันและอดทน แต่สิ่งที่ “อารีพร สุยะ” มองว่าเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องก้าวผ่านคือ การทำให้ธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคง รวมทั้งเชื่อมต่อแบ่งปันกระจายงานและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับวิกฤตโควิด 19 แต่ชุมชนนี้ก็สามารถรับมือได้อย่างเข้มแข็ง
“อารีพร
สุยะ” เล่าถึงเส้นทางของแม่นาย ไม้หมอนฟาร์ม อำเภอพาน
จ.เชียงราย ว่า
เดิมมีรายได้หลักจากอาชีพเกษตรกรสวนลำไยและขายก๋วยเตี๋ยวควบคู่กันไป
แต่เมื่อผลผลิตและราคารับซื้อลำไยไม่ค่อยดี ประกอบกับลูกสาวที่เรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยใกล้จะจบการศึกษามีความคิดอยากกลับมาอยู่บ้าน
ทำงานในสิ่งที่รักได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา
และพ่อแม่ก็ได้มีความสุขกับอาชีพทำสวนทำไร่ที่ชื่นชอบไปด้วยเช่นกัน
จึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวคิดใหม่เลิกทำสวนลำไยหันไปปลูกพืชอื่น ๆ แทน
เพื่อวางแผนเตรียมเปิดร้านกาแฟให้ลูกสาวกลับมาบริหารเมื่อเรียนจบ
ซึ่งยอมรับว่ามีความท้าทายมาก เพราะในช่วงแรกยังมองไม่เห็นว่าจะเดินไปในทิศทางไหน
และจะวางแผนพัฒนาอย่างไร
“จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดจากการที่ลูกสาวกำลังเรียนจบมหาวิทยาลัย
และมีความคิดอยากกลับมาทำงานที่บ้านเกิดอยู่กับครอบครัว
ก็หารือกันว่าจะทำอาชีพอะไรดีที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ยอมรับว่าในช่วงแรกยังจับหลักไม่ถูก ทำให้ท้อแท้เหมือนกัน
แต่โชคดีที่มีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมในโครงการพลังปัญญา
ซึ่งสอนให้รู้จักการสร้างคุณค่าจากสิ่งที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
จึงมีแนวคิดอยากจะพัฒนาสวนลำไยให้เป็นสวนเกษตรแบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การผลิต
การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขายสินค้าผ่านทางออนไลน์
และได้นำองค์ความรู้ต่าง ๆ มาปรับใช้เป็นแนวทางในการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ คุณภาพ ราคา ความซื่อสัตย์”
“ไม้หมอนฟาร์ม”
เป็นรูปเป็นร่างขึ้น หลังจากลงมือสำรวจพื้นที่ 15 ไร่ ที่เดิมใช้เป็นบ้านพักอาศัย ร่วมกับสวนลำไย
โดยได้จัดสรรแบ่งสัดส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดินใหม่ เริ่มจากแปลงเกษตรผสมผสาน
ปลูกพืชและผลไม้เมืองหนาว เช่น องุ่น สตรอเบอรี่ ผักปลอดสาร เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารภายในร้านและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง
ๆ และยังได้ปลูกพืชสมุนไพร ทั้งไพล ตะไคร้หอม มิ้นท์ และยูคาลิปตัส
เพื่อผลิตน้ำมันสกัดหอมระเหยที่ได้เรียนรู้เรื่องโรงกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงราย
ทำให้สินค้าจากชุมชนได้รับการพัฒนาจนมีคุณภาพและสามารถส่งออกขายในต่างประเทศ
นอกจากนี้
ยังมีร้านขายของที่ระลึก “ไม้หมอนฟาร์ม” เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากฟาร์มโดยตรงให้แก่นักท่องเที่ยว
ผู้มาเยี่ยมเยียนดูงานและผู้บริโภค โดยแนวคิดการตั้งร้านนั้น
เริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมในโครงการมาต่อยอดและพัฒนาท้องถิ่น
จึงทำให้มีความแตกต่างจากร้านทั่วไป เพราะสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นในร้านคือ
สิ่งที่ครอบครัวและชุมชนร่วมกันทำ ตั้งแต่กระบวนการผลิต แปรรูป
รวมถึงการจัดจำหน่าย เช่น น้ำมันหอมระเหย
เริ่มต้นจากนำภูมิปัญหาท้องถิ่นเรื่องการต้มสมุนไพรมาลองผิดลองถูก
จนเป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์ไล่ยุง ก่อนที่สถาบันการศึกษาเข้ามาช่วยพัฒนาต่อยอด
ปัจจุบันไม้หมอนฟาร์มได้กลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ที่สำคัญ หนึ่งในพื้นที่ต้นแบบ “โครงการพลังชุมชน” ที่เปิดพื้นที่สร้างเครือข่ายการเรียนรู้
เสริมความรู้คู่คุณธรรมให้กับวิสาหกิจชุมชน
รวมถึงให้โอกาสผลิตภัณฑ์ของโครงการพลังชุมชนจากภาคีเครือข่ายมาวางจำหน่ายในร้านค้าเพื่อเติบโตร่วมกันอีกด้วย
อีกทั้ง ยังมีการเรียนรู้ต่อยอดการขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์
“โครงการพลังชุมชน”
ที่จัดโดยเอสซีจี สอนให้เรารู้จักคำว่าแบ่งปันให้กับสังคมและชุมชน
เราจึงมีแนวคิดว่า ไม่สามารถเติบโตได้โดยลำพัง ต้องรู้จักแบ่งปันให้กับชุมชน สังคม
และคนรอบข้าง เพื่อที่จะเติบโตไปด้วยกัน
ช่วยสร้างความสุขและความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งความท้าทายก็คือ
การวางแผนที่จะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน และชุมชนโดยรอบ สามารถอยู่ได้ในระยะยาว
โดยทุกวันนี้ทางฟาร์มเปิดให้คนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเยี่ยมเยียนและศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรแบบครบวงจร
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ คำแนะนำในทุกเรื่อง”
นางอารีพร กล่าว
ด้วยความอดทนมุ่งมั่นในเป้าหมาย
ขยันเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
มาเป็นต้นแบบและแนวทางการบริหารจัดการชุมชน
ที่มีกระบวนการปรับเปลี่ยนวิธีคิดสู่การต่อยอดทางความคิด พร้อมด้วยความรักความอบอุ่นของครอบครัว
ทำให้ “แม่นาย ไม้หมอนฟาร์ม” นอกจากจะสามารถพึ่งพาตนเอง
และมีรายได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนแล้ว
ยังมีการเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
สามารถแบ่งปันกระจายงานและกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น