กรมประมง ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ “ปลาหุด” หรือ “ปลาพุด” ปลาประจำถิ่นของจังหวัดนครศรีธรรมราช และพัทลุง เผย...เป็นสัตว์น้ำหายาก และมีแนวโน้มลดจำนวนลงมาก เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติ อนุบาลอีก 2 เดือน เตรียมปล่อยคืนสู่ “น้ำตกยอดน้ำ” แหล่งต้นกำเนิด พร้อมมีนโยบายเร่งสำรวจทรัพยากรสัตว์น้ำประจำถิ่นที่เสี่ยงสูญพันธุ์ชนิดอื่นๆ นำมาทดลองเพาะขยายพันธุ์และปล่อยคืนแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อรักษาสายพันธุ์ดั้งเดิมไว้ให้คงอยู่ประจำถิ่น
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง
โฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า ปลาหุด หรือ ปลาพุด จัดเป็นปลาประจำถิ่นหายากของจังหวัดนครศรีธรรมราช
อาศัยในแหล่งต้นน้ำ น้ำตก และลำธาร ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง
เนื่องจากปลาพุดมีพฤติกรรมวางไข่เพียงปีละ 1
ครั้ง
ในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำหลากปลาพุดจะอพยพลงมาจากภูเขาว่ายน้ำลงมาตามลำคลองสาขาเพื่อวางไข่
ชาวบ้านจึงอาศัยช่วงเวลานี้จับปลาดังกล่าวเพื่อนำไปบริโภคและจำหน่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาพุดที่มีไข่จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 700 – 1,000 บาท เนื่องจากเป็นปลาพื้นถิ่นที่หายาก
มีรสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมนำมาบริโภค
จึงเป็นแรงจูงใจให้ชาวบ้านจับปลาพุดในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ปลาพุดมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น กรมประมงจึงได้มอบหมายให้หน่วยงานกรมประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทำการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลาพุดจากสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ปลาพุด น้ำตกยอดน้ำ อำเภอสิชล
จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยวิธียกยอ เพื่อให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครศรีธรรมราช
นำมาเพาะขยายพันธุ์ เพื่อนำไปปล่อยกลับคืนที่แหล่งอาศัยบริเวณต้นน้ำ น้ำตก
และลำธารเพื่อฟื้นฟูพันธุ์ปลาพุดในท้องถิ่นเป็นแหล่งสร้างผลผลิต
สร้างรายได้แก่ชุมชน
ทั้งนี้ กรมประมง
ให้ความสำคัญในการฟื้นฟูสัตว์น้ำหายากราคาสูง โดยให้มีการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ
ปล่อยคืนแหล่งน้ำธรรมชาติเดิม เพื่อคงสายพันธุ์ดั้งเดิมไว้ในท้องถิ่นนั้นๆ
จึงมีนโยบายเร่งดำเนินการฟื้นฟูพันธุ์ปลาพุดในพื้นที่ต้นน้ำ
จังหวัดนครศรีธรรมราชภายใต้ความร่วมมือกับองค์กรชุมชนและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ต้นน้ำ
เช่น มีการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ปลาพุด
น้ำตกยอดน้ำ ตำบลเขาน้อย อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช
เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ให้กลับมาคงความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศในธรรมชาติกับการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
สอดคล้องกับนโยบาย ดร.เฉลิมชัย
ศรีอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำให้กรมประมงอนุรักษ์ ฟื้นฟู
และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืนภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนราคาถูก และเป็นแหล่งประกอบอาชีพที่มั่นคงของประชาชนในพื้นถิ่น
ด้านนายธเนศ พุ่มทอง
ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด กล่าวเสริมในรายละเอียดว่า “ปลาพุด” หรือชื่อเรียกตามท้องถิ่น
เรียก ปลาหุด ปลามัน ปลาเลียหิน ปลาลูกอีแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Ceratogarra
cambodgiensis (Tirant 1884) ลักษณะมีลำตัวเรียวยาวเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว
มีหนวดที่ปลายจะงอยปากหนึ่งคู่ ลำตัวด้านหลังเป็นสีเขียว
เกล็ดมีสีขาวเงินสะท้อนแสง มีแถบสีดำพาดตามตัวจากหลังช่องเหงือกถึงโคนหาง
มีขนาดความยาวเต็มที่ประมาณ 11 เซ็นติเมตร
อาศัยตามบริเวณพื้นที่เป็นกรวดและหินตามแหล่งน้ำลำธารต้นน้ำและน้ำตก
มีพฤติกรรมการวางไข่โดยการอพยพจากลำธารลงไปวางไข่ตามคลองหรือในทุ่งนา
กินอาหารโดยดูดตะไคร่น้ำ แพลงก์ตอน และแมลงน้ำเป็นอาหาร
ในประเทศไทยพบกระจายลุ่มน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำน่านในเขตอำเภอบ่อเกลือ
จังหวัดน่าน รวมถึงภาคใต้ หน่วยงานกรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครศรีธรรมราช
ได้พยายามเพาะพันธุ์ปลาพุดจากพ่อแม่พันธุ์ที่รวบรวมจากธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนเพาะพันธุ์ได้สำเร็จในปีนี้
โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 นางสาวนิภา
กาลศรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครศรีธรรมราช
ได้รับพันธุ์ปลาพุด จากศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำนครศรีธรรมราช
ซึ่งรวบรวมจากธรรมชาติโดยกลุ่มอนุรักษ์ปลาพุด น้ำตกยอดน้ำ เป็นปลาพุดเพศเมีย จำนวน
44 ตัว น้ำหนักเฉลี่ย 23.93 กรัม
ความยาวเฉลี่ย 13.70 เซนติเมตร และเพศผู้ จำนวน 7 ตัว น้ำหนักเฉลี่ย 5.19 กรัม ความยาวเฉลี่ย 7.70 เซนติเมตร ได้นำมาเพาะพันธุ์ด้วยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ
โดยฉีดฮอร์โมนกระตุ้นในการเพาะพันธุ์ ปลาเพศเมียฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ความเข้มข้น 15 ไมโครกรัม ปลาเพศผู้ฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ 10
ไมโครกรัม ต่อน้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ 10 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม ฉีดฮอร์โมนพร้อมกันทั้งเพศผู้และเพศเมีย
แล้วปล่อยให้ผสมพันธุ์กันเองในถังไฟเบอร์ ที่มีระบบน้ำหมุนเวียน มีการทำฝนเทียม
และให้อากาศตลอดเวลา และเตรียมระบบถังฟักไข่ในรูปแบบไข่ครึ่งจมครึ่งลอย ผลปรากฏว่า
หลังฉีดฮอร์โมน 5 ชั่วโมง พ่อแม่ปลาเริ่มผสมพันธุ์วางไข่
และสิ้นสุดการวางไข่ภายใน 2 ชั่วโมงนับจากเวลาเริ่มวางไข่
จำนวนไข่ที่วางเฉลี่ย ทั้งหมด 766,000 ฟอง
จำนวนไข่เฉลี่ยต่อแม่ 8,850 ฟอง หลังวางไข่ 11 ชั่วโมง ลูกปลาเริ่มฟักจากไข่
อัตราการฟักเฉลี่ย 389,000 ตัว คิดเป็นร้อยละ 50.83 เมื่อถุงไข่แดงยุบลูกปลาพุดมีอัตรารอดเฉลี่ย 192,000 ตัว คิดเป็นร้อยละ 49.35
ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการอนุบาลลูกพันธุ์โดยจะมีการให้อาหารที่แตกต่างกันเริ่มจากหนอนจิ๋ว
อาร์ทีเมีย ไรแดง และอาหารผง หลังจากอนุบาลได้ประมาณ 2 เดือน
จะเตรียมนำลูกพันธุ์ปลาพุดที่เพาะได้ปล่อยคืนสู่แหล่งต้นน้ำธรรมชาติ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการทดลองเพาะขยายพันธ์ปลาพุด ยังคงพบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง
เนื่องจากปลาพุดเพศผู้มีขนาดเล็กกว่าเพศเมีย 4-5 เท่า
มีนิสัยปราดเปรียว ว่ายน้ำเร็ว ทำให้จับรวบรวมได้ยาก อีกทั้ง เป็นปลาที่วางไข่เพียงปีละ
1 ครั้ง ดังนั้น สัดส่วนพ่อพันธุ์ต่อแม่พันธุ์ยังไม่สมดุลกัน
อัตราผสมไข่จึงน้อย เนื่องจากมีน้ำเชื้อไม่เพียงพอ กรมประมง
จึงแผนที่จะเก็บรักษาลูกพันธุ์ที่เพาะได้นี้บางส่วนไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า
การเพาะพันธุ์ปลาพุดในจังหวัดนครศรีธรรมราชในครั้งนี้ได้สำเร็จ
กรมประมงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในการที่จะช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่หายากกลับคืนสู่แหล่งน้ำต้นกำเนิดเพื่อคืนความหลากหลายและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ
อีกทั้ง ยังเป็นโอกาสในการปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้มีส่วนร่วมในการช่วยกันรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ที่สำคัญ
ฝากถึงพี่น้องชาวประมงให้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำและโปรดทำการประมงด้วยวิธีที่ถูกกฎหมายไม่ทำลายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำ
เพื่อคงความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของทรัพยากรสัตว์น้ำสืบไป ทั้งนี้
หากชาวบ้านมีการพบพันธุ์ปลาพุดในธรรมชาติในช่วงนี้ ขอความกรุณาช่วยรวบรวม
และประสานแจ้งประมงอำเภอในพื้นที่ เพื่อนำไปให้ศูนย์วิจัยฯ นำเพาะขยายพันธุ์ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น