ดร.วิชาญ
อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานกิจกรรม “ปล่อยกบลงนา ปล่อยปลาลงหนอง ฟื้นฟูลำคลองธรรมชาติ” ณ
ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา
จ.ปทุมธานี
เพื่อเป็นการขยายพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนบางรายไม่ได้รับการจ้างงานต่อจึงทำให้ต้องกลับถิ่นที่อยู่อาศัยไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม
การลงนา ลงหนองน้ำ จึงเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของพี่น้องประชาชนชาวไทย
ที่ใช้แสวงหาสัตว์น้ำจากธรรมชาติเพื่อการบริโภคและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ปัจจุบันสัตว์น้ำในแหล่งน้ำสาธารณะลดจำนวนน้อยลง
ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์จนธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ทันต่อความต้องการรวมถึงความเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งจากกิจกรรมของมนุษย์
ต่างล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำลดน้อยลงทั้งสิ้น
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายของกรมประมง
จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย สำนักงานประมงจังหวัดปทุมธานี
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดปทุมธานี
ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำปทุมธานี และศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคกลาง
(พระนครศรีอยุธยา) กำหนดจัดกิจกรรม “ปล่อยกบลงนา
ปล่อยปลาลงหนอง ฟื้นฟูลำคลองธรรมชาติ” ขึ้น
เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับแหล่งน้ำธรรมชาติ
และช่วยสร้างให้มีแหล่งอาหารให้กับราษฎรในพื้นที่
โดยกิจกรรมนี้จะปล่อยพันธุ์ปลาและกบนา ที่ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี
พบได้น้อยลงเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและจากกิจกรรมของเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยและสารเคมีในการปลูกพืช
การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการตัดวงจรการแพร่ขยายพันธุ์และมีส่วนทำลายพันธุ์กบในธรรมชาติทั้งสิ้น อีกทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์
ทางสำนักงานประมงจังหวัดปทุมธานีจึงดำเนินการคัดเลือกพื้นที่นาอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ
เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้
กิจกรรมในวันนี้
กรมประมงได้คัดเลือกศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ต.บึงทองหลาง
อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่จัดกิจกรรม โดยได้มีการปล่อยพ่อแม่พันธุ์กบ จำนวน
20 คู่ ลงในนาข้าว และปล่อยพันธุ์ปลาแก้มช้ำ
และปลาตะเพียนทอง จำนวน 100,000 ตัว
ลงแหล่งน้ำสาธารณะบริเวณใกล้เคียงพร้อมให้คำแนะนำข้อมูลทางวิชาการในด้านการเพาะเลี้ยงกบ
ซึ่งหลังจากนี้ทางกรมประมงจะจัดส่งนักวิชาการลงพื้นที่ติดตามการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำเป็นระยะเพื่อประเมินผลการดำเนินกิจกรรมต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น