“รมช.มนัญญา” เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนมไทยสู่อาเซียน พร้อมกระตุ้นชาวโคนมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมดิบรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมนมไทย พร้อมเตรียมจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2564 ต้อนรับปีฉลู ระหว่างวันที่ 8-17 มค.64 โชว์ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรมนมไทย อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมกรรมและเทคโนโลยีโคนมไทย Next Normal"
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมโคนมไทยมีวิวัฒนาการก้าวหน้าไปมากจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับอาเซียน
ทั้งนี้เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่9) ที่ทรงพระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนม
ให้แก่ปวงชนชาวไทย
ด้วยทรงเล็งเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมจะทำให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า
และยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน
ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงมหากรุณาธิคุณของพระองค์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.)
จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 8-17 มกราคม 2563นี้ โดยปีนี้จัดภายใต้แนวคิด "นวัตกรรมกรรมและเทคโนโลยีโคนมไทย Next
Normal" โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้งานเทศกาลโคนมแห่งชาติในปี2564นี้เป็นเวทีแสดงความก้าวหน้าของวิทยาการด้านการเลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ
เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกร
โดยจะมีการคัดสรรผลงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชนจัดแสดงให้ความรู้เพื่อเกษตรกรและประชาชนที่สนใจนำไปใช้เพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคนมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางภาคการเกษตร
ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมนมไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนมในระดับอาเซียน
ปัจจุบันเป็นที่ทราบว่าในการพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมของประเทศไทย
ที่มีการคิดค้นและพัฒนามาตลอดระยะเวลากว่า 59ปี ผลลัพธ์ที่ได้คือ
ประเทศไทยมีโคนมสายพันธุ์ที่ดีที่ทนต่ออากาศร้อนชื้นและให้ปริมาณน้ำนมสูง
ซึ่งสิ่งนี้เองคือสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านพยายามศึกษาจากประเทศไทยมาโดยตลอดเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพอย่างประทศไทยเรา
จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและการเรียนรู้ด้านโคนมของอาเซียนได้ในอนาคต
ดังนั้นจึงเห็นว่าการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยมีความโดดเด่นกว่าใครๆในอาเซียน
มีนักวิชาการด้านโคนมหลากหลายแขนง
มีเกษตรกรที่มีองค์ความรู้ในการเลี้ยงโคนมอย่างดีเยี่ยม และมีโคนมสายพันธุ์ดีกว่า 6 แสนตัว นอกจากนี้ อ.ส.ค.
ยังได้จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนม ในพื้นที่ของ อ.ส.ค.มวกเหล็ก
จ.สระบุรี เพื่อมุ่งหวังให้เป็นศูนย์กลางในการวิจัย
และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนม
สำหรับผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกด้วย
ด้านนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์
รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
(อ.ส.ค.) กล่าวว่า ในการจัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2564 นี้
นอกจากการประกวดโคนมชิงถ้วยพระราชทานซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานแล้ว
ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจที่พลาดไม่ได้อีกมากมาย อาทิ
นวัตกรรมใหม่ๆเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนม ปัจจัยการเลี้ยงโคนม และการเปิดเวทีเสวนาสำหรับชาวโคนมครั้งสำคัญคือ
อาทิ สัมมนาเรื่อง “อนาคตนมไทย จะยิ่งใหญ่หรือไปไม่รอด ,เสวนาเรื่องพ.ร.บ.วิชาชีพสัตวบาลกับการพัฒนาปศุสัตว์ประเทศไทย ,การเสวนาเรื่อง “ ความต้องการโภชนะโคนมในประเทศไทย”
,การเสวนาเรื่องการผลิตและการใช้สมุนไทยในปศุสัตว์” ,การเสวนาเรื่องการเลี้ยงโคนมไทยอย่างไรให้รุ่งเรื่องในทศวรรษน้า” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง
การใช้โปรแกรมคำนวณสูตรอาหารโคนม โดยใช้ตารางความต้องการโภชนะและพลังงานของโคนมไทย
นอกจากนี้
ในการจัดงานเทศกาลโคนมฯแต่ละปี
ยังเป็นเวทีเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญในการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคนมในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งถือเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่นอกจากต้องการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรโคนมให้แข็งแรงและมั่นคงแล้ว
ยังต้องการให้คนไทย ทุกเพศ ทุกวัยรักการดื่มนมมากขึ้น
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตจากนมโคสดแท้ 100% ที่ได้จากเกษตรกร
เนื่องจากเห็นว่านอกจากจะส่งเสริมสุขภาพที่ดีกับให้คนไทยแล้ว
ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้มั่นคงในการประกอบอาชีพโคนมอีกด้วย
โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโคนวิด-19ทุกคนได้ตระหนักแล้วว่าการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างภูมิต้านทานแข็งแรงให้กับคนไทย
ซึ่งการหันมาบริโภคนมมากขึ้นจะช่วยตอบโจทย์สุขภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ
ก็ได้มีการมอบนโยบายแก่ อ.ส.ค. มาโดยตลอด ในเรื่องการตอกย้ำเพื่อสร้างการรับรู้ในการบริโภคนม
เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนไทยหันมาดื่มนมกันมากขึ้น โดยมีเป้าหมายการเพิ่มปริมาณจาก 18 ลิตร/คน/ปี เป็น 25 ลิตร/คน/ปี ภายในปี 2569 นี้อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น