สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.)
จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 เพื่อแจงผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมชูตำราทรัพยศาสตร์
เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการพัฒนาสหกรณ์ เน้นสหกรณ์เท่านั้นที่จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอด
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ประธานในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า
รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานประชุมใหญ่ฯของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้
กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสันนิบาตสหกรณ์ที่มีต่อขบวนการสหกรณ์เสมอมา
เนื่องจากสันนิบาตสหกรณ์ฯเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนากิจการสหกรณ์ทุกประเภทในประเทศไทย
“ในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังคงเดินหน้าต่อในการบรรเทาและแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร
อันเป็นเหตุจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19
ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ปริมาณธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรลดลงกว่า 7,555 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตการเกษตรได้เหมือนเช่นสถานการณ์ปกติ
รวมถึงผู้ส่งออกชะลอการรับซื้อสินค้าจากสหกรณ์
ขณะที่สมาชิกสหกรณ์ส่วนหนึ่งต้องกู้เงินจากสหกรณ์
หรือแหล่งเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อนำมาลงทุนทำการเกษตร
ส่งผลให้สมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้หลังจากดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว
ทางกรมฯได้ลงไปเยี่ยมเยียนในต่างจังหวัดหลาย ๆ แห่ง
พบว่าสหกรณ์ที่เขามีศักยภาพในการส่งเสริมให้สมาชิกประกอบอาชีพและรวบรวมผลผลิตออกจำหน่าย
สมาชิกทำจริง มีรายได้จริง
ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมฯพร้อมให้การสนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์พัฒนาอาชีพและสร้างรายได้
เพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัวและส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์ได้
ทำให้ปัญหาเรื่องหนี้ค้างชำระลดลงในที่สุด” นายวิศิษฐ์
ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม
ประธานฯสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของสันนิบาตสหกรณ์ฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนสหกรณ์สมาชิก
ได้รับทราบผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา และพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ประจำปี 2565 ด้วย โดยได้รับเกียรติจากนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4
โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สสท.
กล่าวเพิ่มเติมว่า สันนิบาตสหกรณ์ฯ
มีวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรกลางเพื่อพัฒนาขบวนการสหกรณ์สู่ความเข้มแข็ง มั่นคง
ยั่งยืน สู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ทั้งนี้ “สหกรณ์”
มิได้มีความหมายว่าเป็นเพียงนิติบุคคลซึ่งเป็นการรวมตัวของประชาชนเพื่อร่วมกันช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว “สหกรณ์” มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่เข้าใจกันอยู่
กล่าวคือ สหกรณ์เป็นระบบเศรษฐศาสตร์ประเภทหนึ่งหรืออาจจะเรียกได้ว่า “ระบบเศรษฐกิจสหกรณ์” และหากมองลงไปให้ลึกกว่านี้จะพบว่า
ประเทศไทยให้ความสำคัญกับหน่วยธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
5 และเป็นจริงในสมัยรัชกาลที่ 6
และถูกนำมาสร้างความเป็นประชาธิปไตยในสมัยรัชการที่ 7
นั่นคือ “สหกรณ์”
การสร้างหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก
ได้สืบทอดและพัฒนาจากแนวคิด “ความร่วมมือของชุมชน”
(Co-operative Community) จนถึงขั้นระดมทุนมาร่วมกันทำกิจการร้านค้าที่เรียกว่า
“สมาคมการค้า” (Trading Association) เป็นร้านสหกรณ์จำหน่ายสินค้า
ซึ่งนั่นหมายถึงหน่วยธุรกิจ
เพื่อต่อสู้กับการเอารัดเอาเปรียบการปลอมปนสินค้าการกำหนดราคาสูงเกินควรในยุคที่ต้องต่อสู้กับ
“ระบบเศรษฐกิจแบบเสรี” และต่อมาได้พัฒนาเป็นสหกรณ์ประเภทต่าง
ๆ จนกระทั่งในที่สุดได้พัฒนาเป็นสถาบันการจัดหาทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมวลสมาชิก
โดยอาศัยชุมชนร่วมกัน เพื่อเป็นเจ้าของในกิจการร่วมกัน
หากได้พิจารณาแนวคิดดังกล่าวจะพบได้ว่า ในตำรา “ทรัพย์ศาสตร์”
อันเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของสยามประเทศ เขียนโดย “พระยาสุริยานุวัตร” เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในสมัยรัชกาลที่
5
ที่มีการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญเช่นเดียวกับอารยประเทศในยุโรป
“พระยาสุริยานุวัตรเน้นว่าการสหกรณ์เท่านั้นที่จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอด
เพราะด้วยวิธีการ “สหกรณ์” นี้
แรงงาน(ประชาชน) ยังมีกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิต
แต่นำเอาปัจจัยนั้นมาร่วมกันในการผลิต ต่างมีส่วนในการจัดการและแบ่งปันผลผลิต
ตามแรงและทุนที่ร่วมกันลงไป แรงงานเป็นเจ้าของทุนด้วยในขณะเดียวกัน
ความอริวิวาทในระหว่างนายทุนกับแรงงานจะไม่มี
ระบบนี้ยังให้ความยุติธรรมในการปันกำไรให้แก่แรงงานที่เป็นเจ้าของทุนด้วยตามความเหน็ดเหนื่อย
ในทัศนะของพระยาสุริยานุวัตร ทุนนับเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย
ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเป็นไปได้สำเร็จ
การลงทุนทำให้เกิดผลประโยชน์และทรัพย์ได้ต่อไป
ประเทศที่มีการลงทุนมากจึงเจริญก้าวหน้ารวดเร็ว
โดยพระยาสุริยานุวัตรได้แบ่งปัจจัยการผลิตออกเป็น 3 ประการ
คือ ที่ดิน, แรงทำการ และทุน
แต่ความหมายของทุนก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะ “เงินทุน” เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง “ทรัพยกรบุคคล” อีกด้วย
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ระบบสหกรณ์
คือ
ระบบที่สร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มั่นคงยั่งยืนให้คนฐานรากได้มีทุนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
สหกรณ์จึงมิใช่สถาบันการเงินอย่างที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือสำนักเศรษฐกิจการคลังเข้าใจ
แต่สหกรณ์เป็นหน่วยธุรกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ให้ประชาชนเฉพาะกลุ่มแต่ละกลุ่มเข้าถึงแหล่งเงินราคาถูก
ด้วยการช่วยกันเองและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ขบวนการสหกรณ์เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนตามหลักการสหกรณ์” นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สสท. กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น