จากธุรกิจของคนตัวเล็ก หรือ เอสเอ็มอี
วันนี้ “พรีเมี่ยม บีฟ” เติบโตขึ้นอย่างน่าปลื้มใจ
หลังเดินในเส้นทางแห่งโอกาสที่มี แม็คโคร เป็นเพื่อนคู่คิด “สุริยศักดิ์
ภูธิปฐิติพงศ์” ประธานบริษัท พรีเมี่ยม บีฟ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันพรีเมี่ยม บีฟ ได้ขยับจากธุรกิจเอสเอ็มอี ขนาดเล็กมาสู่ขนาดกลาง
ด้วยรายได้ 25-30 ล้านบาทต่อเดือน โดยมากกว่า 50% มาจากการได้ร่วมงานกับแม็คโคร !”
ด้วยช่องทางแห่งโอกาสที่เขาและสมาชิกผู้เลี้ยงโคขุนในเมืองไทยได้รับ
จนพัฒนาศักยภาพและมองเห็นเส้นทางการเติบโตชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
องค์ความรู้ทางด้านการตลาด โดยเฉพาะ ความต้องการของผู้บริโภคเนื้อ
กุญแจสำคัญที่จะช่วยต่อยอดให้เอสเอ็มอีผลิตสินค้าได้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
“พรีเมี่ยม บีฟ ได้ผลิตสินค้าประเภทเนื้อวัวตัดแต่งคุณภาพจากโคขุนในประเทศ
โดยเราค่อยๆ เรียนรู้ตลาด ความต้องการของผู้บริโภค ก็พัฒนากันมาเรื่อย
อย่างช่วงแรกผู้บริโภคต้องการเนื้อวัวจากไม่กี่ชิ้นส่วน แต่เมื่อเริ่มวางจำหน่ายที่แม็คโครภายใต้แบรนด์
โปรบุชเชอร์ แม็คโครก็เข้ามาช่วยด้านการจัดการ และร่วมกันคิดว่า
จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคหันมานิยมเนื้อวัวในส่วนอื่นๆ มากขึ้น
เราก็ปรับวิธีการตัดแต่ง เปลี่ยนขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม
กลายเป็นจุดแข็งที่เนื้อนำเข้าไม่สามารถทำได้ ประกอบกับราคาที่ดึงดูด
ทำให้สินค้าจาก พรีเมี่ยม บีฟ
เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีขายในแม็คโครมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ”
และไม่เพียงแค่ในประเทศไทย พรีเมี่ยม บีฟ
ยังได้ส่งออกสินค้าไปขายยังภูมิภาคอาเซียน ผ่านสาขาของ แม็คโครใน เมียนมา และกัมพูชา
ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในท้องถิ่นด้วย
นับว่าเป็นหนึ่งในเอสเอ็มอี
ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแม็คโคร
ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงในเครือข่ายมากกว่า 1,000 ครัวเรือน สร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 10,000 -
20,000 บาทต่อตัว โดยร่วมกับแม็คโคร และหน่วยงานภาครัฐ อาทิ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ต่อยอดองค์ความรู้ต่างๆ พัฒนาระบบ
รวมทั้งพัฒนาการเลี้ยงและการลงทุนด้านเครื่องจักรเพื่อให้มีมาตรฐาน โดยพรีเมี่ยม
บีฟ เลือกชูจุดเด่นที่แตกต่าง
ก็คือพัฒนาคุณภาพเนื้อวัวตั้งแต่ต้นน้ำ นั่นคือ 1.สายพันธุ์เลือดผสมยุโรปตอบโจทย์เรื่องของความนุ่ม
ชั้นไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อ
2.การใช้ธัญพืชในการเลี้ยงเพื่อให้ได้โปรตีนที่เหมาะสมกับช่วงวัยของวัว
3.ระยะเวลาขุนที่เหมาะสม 10-12 เดือน และ 4.วัวที่ใช้แปรสภาพจะมีอายุไม่เกิน 3 ปี
ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่สายพันธุ์ไปจนถึงผู้เลี้ยง
รวมทั้งพัฒนาเทคนิคการเพิ่มคุณภาพตามความต้องการของตลาด อาทิ การทำเนื้อดรายเอจ
ที่กำลังเป็นกระแสนิยม
“สุริยศักดิ์” บอกเล่าถึงเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ เมื่อครั้งตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพจากวิศวกร
มาสู่เกษตรกร นั่นคือ “การผลักดันวงการเนื้อโคขุนไทยให้โดดเด่น
มีเอกลักษณ์ คุณภาพดีไม่แพ้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ” ซึ่งเป้าหมายนั้นกำลังแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
ใครจะคิดว่า “โอกาส” ที่เอสเอ็มอี
ธุรกิจรายเล็กได้รับ จะกลายเป็นความยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ของ พรีเมี่ยม บีฟ
และเกษตรกรเครือข่ายอีกนับพัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น