นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
ลงพื้นที่ติดตามโครงการการจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน
(กาแฟอาราบิกา) ณ สหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
พร้อมกับ Mr.Takahiro Morita หัวหน้าผู้แทนสำนักงานไจก้าประเทศไทย
(Chief Representative of JICA Thailand) Mr.Hanazawa Takafumi ผู้แทนประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่ JICA และ Mr.Masahiro
Okada ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น
(JICA) ในฐานะที่ได้ร่วมมือกันทำโครงการดังกล่าวต่อเนื่องมาปีที่ 2 และจะเริ่มดำเนินการต่อไปเป็นปีที่ 3 ในปี 2565
เพื่อเป็นการขยายผลไปสู่การยกระดับกาแฟของสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา
จำกัดของไทยไปสู่เวทีกาแฟเกรดพรีเมี่ยมในตลาดระดับประเทศและระดับนานาชาติ
เพื่อเป็นการประกาศถึงศักยภาพของกาแฟไทยที่มีคุณภาพสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค
อีกทั้งเป็นกาแฟที่เป็นไปตามหลักของการส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืนไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟคุณภาพมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“กสส.จับมือกับไจก้า
ในการพัฒนากาแฟอาราบิกาคุณภาพ ซึ่งไจก้ามีส่วนสำคัญที่ทำให้กาแฟในพื้นที่สหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา
จำกัด ประสบความสำเร็จ
โดยได้ช่วยเหลือด้านวิชาการ
ถ่ายทอดความรู้และให้คำแนะนำสมาชิกสหกรณ์ในการพัฒนาการผลิตกาแฟให้มีคุณภาพ ตั้งแต่กระบวนการปลูก การแปรรูป การทำกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) และกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกเดียว (single origin) โดยกาแฟของสหกรณ์ปลูกอยู่ในตำบลเทพเสด็จ
ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ได้รับการรับรองให้เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(จีไอ)
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเก็บกาแฟที่มีลักษณะสุกจัดเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดี
โดยการทำริสแบนด์ติดที่ข้อมือเกษตรกร
เพื่อให้เป็นคู่มือเทียบสีในขณะเก็บเกี่ยวกาแฟ
เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกเก็บเมล็ดกาแฟที่มีระดับความสุกที่เหมาะสม
ซึ่งจะทำให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง
โดยความร่วมมือในปีที่ 3
จะมีเป้าหมายการขยายผลไปสู่การพัฒนาการตลาด การจับคู่ธุรกิจ
ซึ่งเบื้องต้นกรมฯได้สนับสนุนให้มีการจับคู่ธุรกิจผ่านระบบออนไลน์
กับบริษัทญี่ปุ่น 4 บริษัท ที่ให้ความสนใจ
นอกจากนี้หากสถานการณ์โควิดดีขึ้นในปีหน้า กรมฯยังได้วางแผนการจัดงานเปิดบ้านสหกรณ์
(Open House) เพื่อประชาสัมพันธ์กาแฟที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพของสหกรณ์
จากนั้นจะขยายผลองค์ความรู้ด้านการพัฒนาคุณภาพกาแฟไปสู่ไปยังสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟอื่นๆเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพกาแฟของสหกรณ์ทั้งระบบ”
นายวิศิษฐ์ กล่าว
ด้าน Mr.Takahiro
Morita หัวหน้าผู้แทนสำนักงานไจก้าประเทศไทย กล่าวว่า
เมื่อแรกเริ่มโครงการในปี 62
ได้มีการนำคณะทำงานของไทยเดินทางไปญี่ปุ่น
เพื่อศึกษาการพัฒนาธุรกิจกาแฟของญี่ปุ่นและนำความรู้มาปรับกระบวนการพัฒนากาแฟ ในไทย แม้ช่วงสถานการณ์โควิดทำให้โครงการดำเนินการได้ล่าช้า
แต่ทางไจก้าได้พยายามและผลักดันการเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง
โดยได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น คือนายโอคาดะ
มาช่วยดูแลกระบวนการผลิตกาแฟให้กับสมาชิกสหกรณ์ดอยสะเก็ดเป็นเวลา 1 ปี และในการเดินทางมาครั้งนี้ได้มีโอกาสไปชมสวนกาแฟที่บ้านปางบงของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดฯ
ประทับใจที่ได้มีการนำวิธีการเก็บเกี่ยวที่มีการพัฒนาด้วยกันมาใช้ในการเก็บเกี่ยวกาแฟเชอร์รี่
และจากที่โครงการจะสิ้นสุดปีนี้
ไจก้าอยากให้มีการสานต่อและมุ่งเน้นส่งเสริมการตลาดกับภาคเอกชนจึงควรมีการหารือและสานต่อโครงการนี้
นายประหยัด เสนน้อง
ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด กล่าวว่า
สหกรณ์ได้ร่วมกับไจก้าในการดำเนินโครงการ โดยคัดเลือกเกษตรกร 44 ราย เป็นเกษตรกรนำร่อง 12
รายที่จะเริ่มการพัฒนา ผลพบว่าในช่วง 2 ปี ที่ดำเนินการคุณภาพกาแฟดีขึ้น สามารถส่งเสริมการผลิตกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกเดียวหรือ single origin ได้จนเป็นที่ยอมรับ
โดยพื้นที่ปลูกกาแฟของเกษตรกรส่วนมากอยู่ในป่าและมีต้นไม้หลากหลาย จึงทำให้มีกลิ่นที่พิเศษ มีเทสโน้ต (taste
note) โทนผลไม้ตระกูลส้ม ได้แก่ ซิตรัส เลมอน และน้ำผึ้ง ซึ่งกาแฟ Single
Origin นี้ สามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่ากาแฟทั่วไป
เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่น
ยังไม่สามารถทำได้มากนัก
สำหรับการผลิตกาแฟของสมาชิกนั้นจะใช้ความรู้จากไจก้าส่งเสริมการปลูก
การเก็บ ซึ่งสหกรณ์จะรับซื้อกาแฟจากสมาชิกโดยใช้ราคารับซื้อแบบขั้นบันได
เพื่อจูงใจให้สมาชิกพัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพ โดยในปี 2563
ได้มีการรวบรวมกาแฟกะลา จำนวน 17 ตัน และปี 64 จำนวน 22
ตัน ส่วนปี 65 มีแผนรวบรวมกาแฟกะลา จำนวน 35 ตัน และกาแฟเชอร์รี่ 18 ตัน จากเกษตรกร 7 หมู่บ้านที่ส่งให้สหกรณ์ สหกรณ์ได้มีการทดสอบรสชาติทุกราย
โดยสหกรณ์ได้ส่งกาแฟของสมาชิกสหกรณ์เข้าประกวดงานสุดยอดกาแฟไทย (Thai
Coffee Excellence) ที่มีกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ร่วมจัดงาน
โดยกาแฟของสมาชิกได้ลำดับที่ 14 คะแนนการชิม (cupping score) 82.40 นอกจากนี้ ยังได้ส่งกาแฟของสมาชิกเข้าประกวดงาน National Coffee
Competition by SCATH 2021 ซึ่งจัดโดยสมาคมกาแฟพิเศษแห่งประเทศไทย
ได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนน
ดังนั้น ต่อไปสหกรณ์จะเน้นการพัฒนากาแฟพิเศษให้มากขึ้น
นายอานนท์ พวงเสน คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นลูกหลานสมาชิกสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา
จำกัด ที่ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรเหรียญทองแดง ในงานประกวดสุดยอดกาแฟไทยปี 2564 ประเภทคุณภาพกาแฟระดับดีมาก (very good) กาแฟอะราบิกา
กระบวนการแปรรูปด้วยวิธีเปียก (wet process) คะแนนการชิม (cupping
score) 83.03 รวมทั้งมีแบรนด์กาแฟ “DOI PANG BONG” เป็นของตนเองด้วย กล่าวว่า
พ่อแม่ปลูกกาแฟ 40 ปี ตนเองเพิ่งกลับมาอยู่บ้านและเริ่มทำจริงจัง
4 ปี ทั้งนี้
อยากให้ประชาชนได้ลิ้มลองรสชาติและทราบว่ากาแฟคุณภาพจากบ้านปางบงเป็นอย่างไร
จึงได้เริ่มทำแบรนด์ DOI PANG BONG ออกมาสู่ตลาด
โดยใช้ความรู้จากไจก้าที่มาถ่ายทอด จะเก็บกาแฟที่สุกเต็มที่
เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีออกมาเป็นกาแฟที่ดี ผลผลิตของตนจะได้ 2-3 ตันต่อปี พื้นที่ 30 ไร่ รายได้ต่อปีประมาณ 2-3 แสนบาทต่อปี
โดยสหกรณ์จะรับซื้อกะลาจากเกษตรกร
การพัฒนาต่อไปคือการรักษาพันธุ์ พัฒนาคุณภาพและมุ่งสู่เวทีประกวด
เพื่อให้ทราบว่าต้องพัฒนาอะไรเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค
เชื่อว่าตลาดของกาแฟคุณภาพยังมี แต่ทำอย่างไรจะให้ผู้บริโภครับทราบว่ามีกาแฟดีที่ไหนบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น