บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด
(มหาชน) ปลื้ม!
สามเดือนช่วยเกษตรกรรับซื้อปลากะพงล้นตลาดได้กว่า 300 ตัน หลังมาถูกทาง เพิ่มวาไรตี้การขาย แบบยกทั้งตัว-แล่หั่นชิ้น
เน้นคุณภาพ มาตรฐานอาหารปลอดภัย ชูเป็นไอเท็มเด็ด พร้อมจัดโปรโมชั่น
กิจกรรมโรดโชว์ กระตุ้นผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้บริโภค ทุกภาคทั่วไทย
นางศิริพร เดชสิงห์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ความต้องการซื้อปลากะพงจากภัตตาคารร้านอาหารและนักท่องเที่ยวรวมทั้งผู้บริโภคทั่วไปลดต่ำลง
ส่งผลให้ปลากะพงระบายไม่ทัน มีเหลืออยู่ในกระชังจำนวนมาก
และปลาก็โตไปถึงจนถึงตัวละ 5 - 6 กิโลกรัมหรือใหญ่กว่านั้นแล้ว
แม็คโครจึงได้บูรณาการความช่วยเหลือกับกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ในการรับซื้อและระบายผลผลิตออกสู่ตลาด ผ่านแม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ
ตั้งแต่เดือนกรกฏาคมจนถึงปัจจุบัน รวมแล้วสามารถช่วยซื้อปลากะพงจากเกษตรกรได้ถึง 300 ตันในระยะเวลา 3 เดือน
ปกติแล้วปลากะพงที่กลุ่มลูกค้าภัตตาคาร
ร้านอาหาร ต้องการใช้จะเป็นขนาด 800 กรัม -1 กิโลกรัม
แต่ผลผลิตที่แม็คโครรับซื้อช่วยเกษตรกรส่วนใหญ่แล้ว ตัวโตเกินความต้องการ
ทำให้เราต้องคิดหาทางแก้ไข
โดยเพิ่มความหลากหลายด้วยการนำปลาขนาดใหญ่มาแล่หั่นชิ้น ตามมาตรฐานอาหารปลอดภัย
แล้วจำหน่ายให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร หรือกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป
ที่ต้องการเนื้อปลากะพงสดสะอาดปลอดภัยไปสร้างสรรค์เมนูอื่นๆ นอกเหนือจากเมนูยอดฮิตอย่าง
ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลากะพงนึ่งมะนาว
ซึ่งสินค้ารายการนี้ได้รับความนิยมจนกลายเป็นไอเท็มเด็ดและเป็นที่พูดถึง
ที่สำคัญช่วยระบายปลากะพงจากเกษตรกรไปได้มาก แม็คโครไม่เพียงเพิ่มรูปแบบชนิดสินค้าแล่หั่นชิ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า หากยังสนับสนุนกิจการส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภค
โดยร่วมกับสมาคมภัตตาคารไทย จัดกิจกรรมโรดโชว์ ‘ปลากะพงเพิ่มค่า
พัฒนาเมนูใหม่ ให้ร้านอาหาร’ ทั่วทุกภูมิภาคจนถึงสิ้นปีนี้
ร่วมด้วยการจัดโปรโมชั่นที่สาขาอย่างต่อเนื่อง
นางศิริพร กล่าวอีกว่า ด้วยนโยบายเคียงข้างเกษตรกรอันเข้มแข็งของเรา
แม็คโครได้มุ่งมั่นช่วยเหลือเกษตรกรทั้งในสถานการณ์ปกติ
และสถานการณ์วิกฤตโควิด-19
ที่เกิดขึ้น
เพื่อส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรภายในประเทศ
สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งมีส่วนในการผลักดันให้กลไกเศรษฐกิจขับเคลื่อนและเติบโตได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น