บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด
(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โชว์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
จากกระบวนการผลิตที่ทันสมัยด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมโภชนาการของคนไทยอย่างยั่งยืน ในงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX) ระหว่างวันที่
1-4 ต.ค. 2563 ณ
ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ในงานนี้ได้รับเกียรติจากดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ย้ำถึงความสำคัญของแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส
ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า
ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน
และได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices : DJSI ) ต่อเนื่องเป็นเวลา
5 ปี
โดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
(Sustainable Development Goals : SDGs) เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย อาหารมั่นคง
สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ ตลอดจนร่วมพัฒนาคู่ค้าให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับการร่วมงาน TSX ในครั้งนี้ ซีพีเอฟ นำเสนอกิจกรรมต่างๆภายใต้แนวคิด
“Put Our Heart into Food for the World : อาหารแห่งความห่วงใยเพื่อโลก”
ตอกย้ำการเป็นผู้ผลิตอาหารด้วยความใส่ใจและรับผิดชอบ 3 ด้าน คือ 1.การใส่ใจสุขภาพ สุขใจผู้บริโภค 2.
สังคมพึ่งตน สู่อาหารที่ยั่งยืน และ 3. ความมั่นคงทางอาหาร
บนพื้นฐานของทรัพยากรที่ยั่งยืน
สะท้อนการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมในการมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
(Climate Change) ซีพีเอฟ
มุ่งเน้นการสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม โดยมีค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 2,964 ล้านบาท
เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตให้ตอบสนองและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต โดยในปี 2563 บริษัทฯตั้งเป้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น 30% ของผลิตภัณฑ์ใหม่
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟ ยังให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั่วประเทศ ผ่านการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้แก่เกษตรกรรายย่อยเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 42,090 ราย ตลอดจนส่งเสริมการเรียนรู้ด้านโภชนาการและทักษะเกี่ยวกับอาหารให้แก่เยาวชน 291,997 คน ในปี 2562 และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเป็น 1,300,000 คน ในปี 2563 รวมถึงการดำเนินโครงการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวทาง “ความมั่นคงทางอาหาร จากภูผาสู่ป่าชายเลน” โดยส่งเสริมให้พนักงานของบริษัทฯ ชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงสถานประกอบการและโรงงานปลูกต้นไม้ ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งในระยะที่หนึ่ง (ปี 2557-2561 ) ช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายแลน 2,388 ไร่ และโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง อนุรักษ์ ฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำที่จังหวัดลพบุรี ระยะที่หนึ่ง (ปี 2559-2563) จำนวน 5,971 ไร่
โครงการต่างๆของซีพีเอฟ
ช่วยสร้างชุมชนต้นแบบที่ส่งเสริมให้คนให้ชุมชนตระหนักถึงความสำค้ญของการอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน
เช่น ชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร
เป็นชุมชนต้นแบบความยั่งยืนที่ซีพีเอฟต่อยอดการพัฒนาไปสู่การชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
มีผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ เกลือสปา เกลือหอม และบาธบอมม์
เป็นสินค้าสร้างรายได้เสริมให้คนในชุมชนมีความอยู่ดีกินดี ซี่งมีการนำผลิตภัณฑ์ของชุมชนมาจำหน่ายในงานด้วย
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ
ยังได้ร่วมจัดเสวนาด้านความยั่งยืน 3
หัวข้อ ได้แก่ “Put our Heart to Food for Future Job - สานอนาคตสดใส...ในครัวของโลก”
เพื่อให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ในการสมัครงานยุค นิวนอร์มอล
ในวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม
2563 ที่ House
4 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ส่งเสริมการจ้างงาน
ตลอดจนสนับสนุนภาครัฐและนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการรับสมัครนักศึกษาจบใหม่ให้ได้ทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคง
สร้างงานสร้างรายได้ อันเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน การเสวนาในหัวข้อ
“ความมั่นคงทางอาหาร จากภูผาสู่ป่าชายเลน” ซึ่งแสดงให้เห็นกระบวนการผลิตอาหารที่มีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน
ผ่านโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า เช่น โครงการซีพีเอฟรักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก
เขาพระยาเดินธง และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ในโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน
ป้อง ป่าชายเลน และหัวข้อ “อาหารแห่งความห่วงใยเพื่อโลก”
เป็นการให้ความรู้และเพื่อรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก
ภายใต้การบริหารจัดการทรัพยากร การจัดการสร้างความมั่นคงทางอาหารเพื่อประชากรโลก 3,000
ล้านคน ให้มีอาหารที่เพียงพอต่อการบริโภคอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น