จากกระแสเศรษฐกิจ
สังคม เทคโนโลยีต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารต้องมีการปรับตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในช่วงปีที่ผ่านมาทั่วโลกต่างต้องเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป
ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น
มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตอาหารสัตว์น้ำจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารจัดการระบบการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ
รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยอาหารให้กับผู้บริโภค
สอดคล้องกับนโยบายด้านการผลิตสินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมประมงมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการผลิตที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและครอบคลุมมิติอื่นๆ
ในระดับสากล
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านส่งเสริมความยั่งยืนให้สินค้าประมงไทยเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโลก
ตลอดจนพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรไทย
ดร.วิชาญ
อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรฐานอาหารปลอดภัย
(Food Safety) ของผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน กรมประมงเปิดขอบข่ายให้การรับรองมาตรฐานเพิ่มอีก 2 มาตรฐาน
มาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนผ่านมาตรฐาน GAP ของกรมประมง
เป็นGAP มกษ. ได้แก่ 1.มกษ. 7421 – 2561
การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี สำหรับฟาร์มเพาะและอนุบาลสัตว์น้ำจืด 2.มกษ.
7434 – 2562 การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี
สำหรับฟาร์มสาหร่ายทะเล และในปี พ.ศ. 2563
คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรขึ้น คือ มกษ.7436-2563
การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภค
เป็นมาตรฐานทั่วไป หรือมาตรฐานสมัครใจ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นมาตรฐาน GAP
มกษ. ขั้นพื้นฐาน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศกำหนดขึ้น
สำหรับมกษ. 7436–2563 สำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภค
มีขอบข่ายครอบคลุมกิจกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำ
ทั้งการเลี้ยงในบ่อและการเลี้ยงในแหล่งน้ำสาธารณะ ตั้งแต่การเลี้ยง การจับ
จนถึงหลังการจับก่อนการขนส่งออกจากฟาร์ม แต่ไม่ครอบคลุมสัตว์น้ำ 3 ชนิด ได้แก่
จระเข้ สาหร่ายทะเล และกุ้งเครย์ฟิช โดยประกอบด้วยข้อกำหนด 9 ข้อสำคัญ ดังนี้
1.สถานที่ 2.การจัดการเลี้ยง 3. การจัดการคุณภาพสัตว์น้ำ 4. การใช้ยาสัตว์ สารเคมี
และผลิตภัณฑ์จุลชีพ 5.สุขลักษณะภายในฟาร์ม 6.การจัดการน้ำทิ้ง
7.การจับและการปฏิบัติหลังการจับก่อนการขนส่งออกจากฟาร์ม 8.ผู้ปฏิบัติงาน และ
9.การเก็บหลักฐานและการบันทึกข้อมูล
ซึ่งหากปฏิบัติตามและได้รับการรับรองมาตรฐานจะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าผลผลิตสัตว์น้ำที่ได้มีคุณภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าเพื่อปิดช่องว่างการกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้าอื่นๆ
ในด้านการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของไทย
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า
เนื่องจากมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานสมัครใจ
กรมประมงขอเชิญชวนเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่สนใจ ยื่นคำขอรับการตรวจรับรองมาตรฐาน
มกษ. 7436-2563 สำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม
2564 เป็นต้นไป ณ สำนักงานประมงจังหวัดหรือศูนย์ฯ
ทุกแห่งในพื้นที่ที่ฟาร์มตั้งอยู่ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
กองพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานสินค้าประมงและหลักฐานเพื่อการสืบค้น (กมป.)
อาคารเชิดชาย อมาตยกุล ชั้น 5 กรมประมง เกษตรกลาง แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 0-2579-7738 02-558-0189 อีเมล : fcstd03@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น