จากกรณีที่สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาชาวประมงพื้นบ้าน ทรัพยากรประมง
และทะเลชายฝั่ง ใน 14 ประเด็น เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 ที่ผ่านมานั้น
นายมีศักดิ์ ภักดีคง
อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า
กรมประมงโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
ได้เปิดโต๊ะจัดประชุมเพื่อชี้แจงการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
ทั้ง 14 ข้อ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
กรมเจ้าท่า และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมให้ข้อคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งผลการประชุมปรากฏว่า ได้ข้อยุติเป็นที่พอใจของชาวประมงพื้นบ้าน ขอสรุปภาพรวม
ดังนี้ 1. ข้อเรียกร้องซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่
การแก้กฎหมายตามข้อเสนอของสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคประมงและแรงงานในภาคประมง
ซึ่งกำลังพิจารณาข้อกฎหมายที่สมาพันธ์ฯ ขอแก้ไข 3 มาตรา
และจะเสนอตามขั้นตอนของการแก้ไขกฎหมายระดับพระราชบัญญัติต่อไป
ส่วนข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการออกมาตรการในการกำหนดขนาดของสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่ควรจับ
การนำระบบโควตาในการจับสัตว์น้ำบางชนิดแทนการกำหนดจำนวนวันทำการประมงต่อรอบปีการประมง การกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องมือประสิทธิภาพสูงบางชนิด
ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้ในการนำมาใช้บังคับ
โดยทุกประเด็นได้มีคณะทำงานจากหลายภาคส่วนทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ
นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา ผู้แทนประมงพื้นบ้าน ผู้แทนจากองค์กรภาคเอกชน เมื่อได้ข้อสรุปจะได้นำไปรับความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเสนอระดับนโยบายและคณะกรรมการชุดต่างๆ
เพื่อออกมาตรการ และนำมาใช้ต่อไป
2.
ประเด็นข้อเสนอใหม่ ซึ่งภาครัฐรับข้อเสนอไปดำเนินการ ได้แก่ 2.1
การขอทราบสถิติการทำการประมงนั้น กรมประมงไม่ได้ขัดข้องและได้ส่งข้อมูลจากการบันทึกการทำการประมง
ตั้งแต่ปี 2559 – 2562 ให้แก่สมาคมสมาพันธ์ฯ
ตามที่ร้องขอแล้วหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2.2
การออกใบรับรองมาตรฐานการทำการประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืน
และการแปรรูปสินค้าประมงพื้นบ้านตามมาตรฐานที่กำหนด
โดยกรมประมงจะเร่งรัดการประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าวภายใน 15 กันยายน 2563 นี้ 2.3
การขอให้กรมประมงพิจารณาออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านนั้น กรมประมงรับข้อเสนอและจะเร่งรัดการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน
ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558
โดยกรมประมงจะหารือร่วมกับสมาคมสมาพันธ์ฯ และผู้แทนสมาคมประมงพื้นบ้าน ใน 23
จังหวัดชายทะเล
เพื่อพิจารณาชนิดและขนาดของเครื่องมือทำการประมงพื้นบ้านที่ต้องขออนุญาตภายหลังจากที่กรมเจ้าท่าดำเนินการจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้านแล้วเสร็จในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้
2.4 การขอทำการประมงในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ
โดยผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ได้รับข้อเสนอและจะเชิญผู้แทนสมาคมสมาพันธ์ฯ ร่วมพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง 2.5
การจัดตั้งโรงเรียนชาวประมง ประเด็นนี้กระทรวงแรงงานรับไปศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมใน
23 จังหวัดชายทะเล ร่วมกับกรมประมง กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า
ขณะนี้ได้สั่งการให้ประมงจังหวัด ประมงอำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในสังกัด
เร่งชี้แจงทำความเข้าใจในสิ่งที่ภาครัฐได้ดำเนินการและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เพื่อให้ชาวประมงในแต่ละพื้นที่ได้รับทราบรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ผลการดำเนินการของรัฐ
ตามประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าวได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น นอกจากนี้ ในวันที่ 8
กันยายน 2563 กรมประมงยังได้เชิญทางสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาคมประมงทั้ง
22 จังหวัดชายทะเล ซึ่งได้มีการยื่นข้อเรียกร้องมาก่อนหน้านี้
มาหารือถึงแนวทางออกของการแก้ไขปัญหาประมงร่วมกันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม
การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต้องอาศัยข้อมูลทางวิชาการและบริบทของแต่ละพื้นที่
ตลอดจนความร่วมมือของทุกภาคส่วน กรมประมงจะขับเคลื่อนภารกิจนี้
ภายใต้แนวนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของอาชีพประมงต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น