(22 กันยายน 2563) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายอดิเรก ศรีประทักษ์
ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการรับสมัครนักศึกษาจบใหม่”,
“โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” และ
“โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาคนว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ
ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เป็นผู้ลงนาม ณ อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงฯได้นำนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” ของรัฐบาลเข้ามาดำเนินการโดยมีเป้าหมายที่จะผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันวางแผนเพื่อกำหนดอนาคตประเทศไทย
ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบถึงการจ้างงานของหลายบริษัท
เกิดการว่างงานของแรงงานจำนวนมาก ตามมาด้วยปัญหาค่าครองชีพ
และแนวโน้มการไม่มีงานทำของกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ ดังนั้น
การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการช่วยกันแก้ปัญหาและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ
จึงมีความสำคัญยิ่ง ขณะที่ “ซีพีเอฟ”เป็นภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีบทบาทในการช่วยเหลือประเทศชาติจากหลายๆวิกฤตที่ผ่านมามาโดยตลอด
จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่เกิดความร่วมมือในวันนี้
เชื่อว่าจะส่งผลให้แรงงานจบใหม่ของไทยมีงานทำ มีความมั่นคง
ทั้งยังช่วยสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านเศรษฐกิจอันเข้มแข็งของชาติ
ขณะเดียวกัน
ภาระค่าครองชีพที่กระทบถึงแรงงานเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ควรได้รับการแบ่งเบา
การมอบคูปองส่วนลดพิเศษในการซื้ออาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสี่ของการดำรงชีพ
ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคน จึงน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งต้องขอขอบคุณซีพีเอฟที่มอบส่วนลดพิเศษนี้ให้แก่ผู้ประกันตน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ
ระบุว่าบริษัทพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐในการช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา 3
ประโยชน์ของประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ และเป็นไปตามนโยบายของนายศุภชัย
เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการให้
บริษัทมีส่วนร่วมแก้ปัญหาการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ อันเป็นการสร้างโอกาส
สร้างความมั่นคงทางอาชีพ
และสร้างประโยชน์ต่อประเทศในการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงวิกฤติโควิด-19
ซีพีเอฟ
ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร
จึงเปิดรับตำแหน่งงานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ครอบคลุมหลายสาขาอาชีพ อาทิ สัตวแพทย์ สัตวบาล วิศวกร นักวิจัยพัฒนาอาหาร
นักวิทยาศาสตร์ รวมถึง IT ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนางานด้าน
Smart Farming , Smart Factory ตลอดจน งานด้านโลจิสติกส์
และงานบริการในร้านซีพีเฟรชมาร์ทและร้านอาหาร การรับนักศึกษาจบใหม่นี้
ตั้งเป้าเปิดรับจำนวนสูงถึง 8,000 อัตรา
แบ่งเป็นงานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 4,000 อัตรา
และต่างจังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีก 4,000 อัตรา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่
www.cpfwolrdwide.com หรือ พบบูธ CPF ได้ในงาน
JOB EXPO THAILAND 2020 จัดโดยกระทรวงแรงงาน วันที่ 26
-28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา
นอกจากนี้
ยังส่งเสริมการสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ผ่าน “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” เช่น ธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่
โดยอบรมเสริมความรู้ยกระดับการเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร สร้างความเข้มแข็งให้ SMEs
ไทยกว่า 4,500 ราย
ทั้งสองธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นและพื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัดในทุกๆพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ก็สามารถประกอบอาชีพธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ได้ทันที
โดยบริษัทมีหลักสูตรอบรมและเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา
เพื่อช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้ทุกท่านเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร-ร้านกาแฟได้อย่างเป็นรูปธรรม
นับเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่เป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี
ผู้สนใจเข้าเป็นแฟรนไชส์ธุรกิจห้าดาว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://fivestar.in.th
และหากสนใจธุรกิจสตาร์คอฟฟี่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://Starcoffee.in.th
สำหรับ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” จะเป็นการมอบคูปองส่วนลดสินค้าจากร้านซีพีเฟรชมาร์ทให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม
เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของแรงงานในระบบ โดยมอบเป็นส่วนลดมูลค่ากว่า 2,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดส่วนลดได้ที่ Line
: @CPFreshmart ตั้งแต่ 25 กันยายน-30 พฤศจิกายน 2563 นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น
ยังมอบซิมทรูโซเชี่ยลพลัส มูลค่า 49 บาท
ให้แก่ผู้ประกันตนด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1788
“การช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเป็นหน้าที่ของทุกบริษัทที่มีขีดความสามารถ
และโครงการที่กระทรวงแรงงานดำเนินการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก
นับเป็นอีกโครงการใหญ่ของซีพีเอฟที่ได้ทำร่วมกับภาครัฐ และตอกย้ำการเป็น Good
Corporate Citizen ของบริษัท ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ที่ยังมีการระบาดในประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง
เชื่อว่าความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปได้” นายประสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น