น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้เลี้ยงสุกร
สหกรณ์ทุกภูมิภาค และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ
ผนึกกำลังร่วมกันจัดมหกรรมหมูธงฟ้า ในกิจกรรม “เนื้อหมู...สู้โควิด”
จำหน่ายหมูสดลดค่าครองชีพประชาชนทุกภูมิภาคทั่วไทย
ด้วยการส่งตรงเนื้อหมูคุณภาพจากฟาร์มเลี้ยงถึงมือผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ตอกย้ำการให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน
ยืนหยัดดูแลราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้ไม่เกิน 80
บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นสิ่งที่เกษตรกรร่วมกันดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
เพื่อให้ราคาหมูหน้าเขียงขายปลีกที่ปลายทางไม่เกิน 150-160
บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้บริโภค
และคนเลี้ยงหมูยังคงร่วมกันบริหารจัดการทั้งระบบเพื่อดูแลผู้บริโภคในประเทศให้ดีที่สุด
ยืนยันว่าปริมาณการผลิตหมูยังคงเพียงพอกับการบริโภคของคนไทยที่เกือบ 4 หมื่นตัวต่อวัน ขณะที่กำลังการผลิตหมูทั้งประเทศอยู่ที่ 5 หมื่นตัวต่อวัน เท่ากับมีส่วนเกินอยู่มากกว่า 1
หมื่นตัวต่อวัน ดังนั้นไทยจึงไม่มีปัญหาขาดแคลนสุกรแน่นอน
“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและผู้ค้าอาหารมาร่วมกันจับจ่าย
เนื้อหมู..สู้โควิด
ที่เกษตรกรหมูร่วมกันจัดส่งเนื้อหมูราคาถูกพิเศษเพียงกิโลกรัมละ 130 บาท มาจำหน่ายช่วยลดค่าครองชีพให้ชาวไทย 77 จังหวัด
ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมกันในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันห้างค้าปลีก 8 ห้างใหญ่ ทั้งแม็คโคร, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, เดอะมอลล์,
วิลล่ามาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, ท็อปส์, แม๊กซ์ แวลู รวมถึงห้างซุปเปอร์ชีป
ในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด ก็ยังคงขายหมู 130
บาทต่อกิโลกรัม เพื่อร่วมสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ทุกพื้นที่ทั้งในตลาดสด ห้างค้าปลีก และหน่วยงานราชการที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรม
อาทิ ศาลากลางจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด
จะมีเนื้อหมูราคาพิเศษจำหน่ายถึงมือทุกคนอย่างแน่นอน
และเกษตรกรยังคงปักหลักตรึงราคาหมูหน้าฟาร์มที่ 80 บาทต่อไป”
น.สพ.วิวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้
ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มปัจจุบันยืนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 79-80 บาท ขณะที่เกษตรกรมีต้นทุนผลิตสูงถึง 71 บาทต่อกิโลกรัม และที่ผ่านมาเกษตรกรต่างแบกรับภาระขาดทุนมานานกว่า 3
ปี และยังต้องเข้มงวดกับการทำตามมาตรฐานการป้องกันโรค ASF ด้วยระบบไบโอซีเคียวริตี ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 100-200 บาทต่อตัว เพื่อป้องกันประเทศไทยจากโรคนี้
รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้เนื้อหมูที่ปลอดภัย
และไม่ต้องประสบภาวะขาดแคลนเนื้อหมูดังเช่นประเทศอื่นๆ
ในภูมิภาคเอเชียที่ปริมาณหมูเสียหายจากโรคนี้ จนทำให้ราคาหมูเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น