นายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด– 19
ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรและชาวประมง
ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพและจำหน่ายผลผลิตได้ตามปกติจากที่มีการวางแผนไว้
อีกทั้งสัตว์น้ำเศรษฐกิจบางชนิดยังประสบปัญหาราคาตกต่ำอีกด้วย
“กุ้งก้ามกราม”
ถือเป็นสินค้าสัตว์น้ำอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
โดยมีเกษตรกรที่ทำการเพาะเลี้ยงในหลายจังหวัด ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา กาฬสินธุ์
และเชียงราย ซึ่งในช่วงระยะแรกที่มีการระบาดของโรคโควิด-19
ในประเทศไทย การระบายผลผลิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เนื่องจากมีข้อจำกัดจากมาตรการควบคุม ป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดโรคฯ
ซึ่งกรมประมงได้มีการติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในพื้นที่ต่างๆ
อย่างใกล้ชิด อาทิ การสนับสนุนให้เกษตรกรเป็นผู้จำหน่ายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
การหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิต รวมถึงส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ
เป็นต้น จนทำให้ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เกษตรกรสามารถปรับตัวและกระจายผลผลิตได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
คาดการณ์เบื้องต้นว่าตลอดปี 2563
กุ้งก้ามกรามจะยังคงมีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปริมาณรวมกว่า 22,257 ตัน เฉลี่ย 1,800 ตันต่อเดือน ดังนั้น
เพื่อเป็นการวางแผนรับมือการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ล่าสุด (เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563) กรมประมงได้จัดการประชุมผ่านระบบ VDO
Conference ร่วมกับผู้แทนเกษตรกร
ผู้แทนภาคเอกชน
และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้ากุ้งก้ามกรามรวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่น
ๆ ไปยังตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด
อาทิ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น
ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน อาทิ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท
พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับผลผลิตของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี
โดยมีจุดจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ที่ใกล้กับฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกร ทำให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับสภาพต้นทุน
อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้
จากการหารือในเบื้องต้นภาคเอกชนยินดีให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นอย่างดี
โดยกรมประมงจะเร่งจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอแผนงานในการขอสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำในตลาดโมเดิร์นเทรด
และปั๊มน้ำมันเร็วๆ นี้ ซึ่งจะนำร่อง “กุ้งก้ามกราม” เป็นชนิดแรก
รองอธิบดีกรมประมง
กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้
กรมประมงยังได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย
และสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย
เพื่อลดราคาอาหารสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิตสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วย โดยทั้ง 2 สมาคมให้อัตราส่วนลดดังนี้ อาหารกุ้งกุลาดำ - กุ้งขาว ลดจากปกติ 25 บาท/ถุง อาหารกุ้งสมทบ
กุ้งก้ามกราม และอื่น ๆ ลดจากปกติ 20 บาท/ถุง อาหารปลากะพง
ลดจากปกติ 30 บาท/ถุง อาหารสัตว์น้ำจืดชนิดเม็ด ลอย-จม
ชนิดโปรตีนสูงกว่า 29% ลดจากปกติ 15 บาท/ถุง
และชนิดโปรตีน 21-29% ลดจากปกติ 10 บาท/ถุง
ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวมีผลตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม
2563 นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น