วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กรมประมง...ดัน “กุ้งก้ามกราม” เข้า “โมเดิร์นเทรด” - “ปั๊มน้ำมัน” เล็งกระจายผลผลิต ช่วยเกษตรกรจากพิษโควิด-1



นายถาวร จิระโสภณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด– 19 ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรและชาวประมง ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพและจำหน่ายผลผลิตได้ตามปกติจากที่มีการวางแผนไว้  อีกทั้งสัตว์น้ำเศรษฐกิจบางชนิดยังประสบปัญหาราคาตกต่ำอีกด้วย 



กุ้งก้ามกรามถือเป็นสินค้าสัตว์น้ำอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีเกษตรกรที่ทำการเพาะเลี้ยงในหลายจังหวัด ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี  สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา กาฬสินธุ์ และเชียงราย ซึ่งในช่วงระยะแรกที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย การระบายผลผลิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีข้อจำกัดจากมาตรการควบคุม ป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดโรคฯ  ซึ่งกรมประมงได้มีการติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ การสนับสนุนให้เกษตรกรเป็นผู้จำหน่ายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิต รวมถึงส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น จนทำให้ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เกษตรกรสามารถปรับตัวและกระจายผลผลิตได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น



อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เบื้องต้นว่าตลอดปี 2563  กุ้งก้ามกรามจะยังคงมีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปริมาณรวมกว่า 22,257 ตัน  เฉลี่ย 1,800 ตันต่อเดือน  ดังนั้น เพื่อเป็นการวางแผนรับมือการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ล่าสุด (เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563) กรมประมงได้จัดการประชุมผ่านระบบ VDO Conference ร่วมกับผู้แทนเกษตรกร  ผู้แทนภาคเอกชน  และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง  เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้ากุ้งก้ามกรามรวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ไปยังตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด  อาทิ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น  ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับผลผลิตของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยมีจุดจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ที่ใกล้กับฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกร  ทำให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับสภาพต้นทุน อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ จากการหารือในเบื้องต้นภาคเอกชนยินดีให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นอย่างดี โดยกรมประมงจะเร่งจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอแผนงานในการขอสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำในตลาดโมเดิร์นเทรด และปั๊มน้ำมันเร็วๆ นี้ ซึ่งจะนำร่อง กุ้งก้ามกรามเป็นชนิดแรก

รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย  เพื่อลดราคาอาหารสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิตสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วย โดยทั้ง 2 สมาคมให้อัตราส่วนลดดังนี้ อาหารกุ้งกุลาดำ - กุ้งขาว ลดจากปกติ 25 บาท/ถุง  อาหารกุ้งสมทบ กุ้งก้ามกราม และอื่น ๆ ลดจากปกติ 20 บาท/ถุง อาหารปลากะพง ลดจากปกติ 30 บาท/ถุง อาหารสัตว์น้ำจืดชนิดเม็ด ลอย-จม ชนิดโปรตีนสูงกว่า 29% ลดจากปกติ 15 บาท/ถุง และชนิดโปรตีน 21-29% ลดจากปกติ 10 บาท/ถุง ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวมีผลตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2563  นี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...