สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) พัฒนาชุดตรวจ HybridSure
(ไฮบริดชัวร์) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเครื่องหมายดีเอ็นเอแบบลําดับเบสเดี่ยว
(Single Nucleotide Polymorphism; SNP) หรือ สนิป
เพื่อทดสอบเอกลักษณ์พันธุ์พืช ทำให้สามารถแยกความแตกต่างของสายพันธุ์ลูกผสมได้
เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกเมล็ดพันธุ์
เมื่อมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้
ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสม
(F1
hybrid seeds) ที่สำคัญประเทศหนึ่งของโลก
เนื่องจากได้เปรียบในด้านทำเลที่ตั้ง ความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อม
ภูมิอากาศที่เหมาะสม ตลอดจนความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
ที่สำคัญคือเกษตรกรไทยมีทักษะความชำนาญด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์สูง
ช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ได้มีการเจริญเติบโตอย่างมาก ดังนั้น
การทดสอบเอกลักษณ์ของเมล็ดพันธุ์พืช
จึงมีความจำเป็นต่อการยืนยันความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาขาย
ดร.วิรัลดา
ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ ไบโอเทค สวทช.
กล่าวว่า การทดสอบความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ด้วยเทคนิคการใช้เครื่องหมายโมเลกุลสนิป
กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากในจีโนมพืชมีเครื่องหมายโมเลกุลสนิปอยู่เป็นจำนวนมาก
การตรวจความบริสุทธิ์เมล็ดพันธุ์ด้วยเครื่องหมายโมเลกุลสนิปทำได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมมาก
โดยตั้งใจว่าในเบื้องต้นจะทำชุดตรวจ HybridSure (ไฮบริดชัวร์)
ในพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่ พริก แตงกวา แตงโม เมล่อน และมะเขือเทศ
เพื่อให้สามารถแยกความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างสายพันธุ์ได้
ตอบสนองความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์
“การทดสอบเอกลักษณ์ของเมล็ดพันธุ์พืชทำได้โดยนำตัวอย่างสายพันธุ์พ่อและสายพันธุ์แม่ที่ใช้ในการผลิตลูกผสมมาวิเคราะห์ลําดับนิวคลีโอไทด์ของจีโนมิกดีเอ็นเอของตัวอย่างแต่ละพันธุ์
และค้นหาตําแหน่งของสนิปที่ครอบคลุมทั้งจีโนมโดยใช้วิธี genotyping-by-sequencing
(GBS) ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถค้นหาและจีโนไทป์ได้ครั้งละหลายพันเครื่องหมาย
สามารถแยกความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างสายพันธุ์ได้
และสามารถนำมาใช้ในการยืนยันความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ได้
เมื่อได้ตําแหน่งของสนิปที่มีความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์พ่อและแม่แล้ว จึงนำไปทดสอบกับของตัวอย่างลูกผสม
โดยใช้เทคนิค MassARRAY® System ทำให้สามารถตรวจสอบความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ที่อาจมีการปนเปื้อนจากเมล็ดที่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ลูกผสมได้
นอกจากนี้ ในการตรวจประเมินความบริสุทธิ์
ตั้งแต่การสกัดดีเอ็นเอไปจนถึงการวิเคราะห์ผลใช้เวลาไม่ถึง 1
วัน ซึ่งมีความรวดเร็วกว่าวิธีดั้งเดิมที่ใช้เวลา 6 - 12
เดือน และมีความแม่นยำที่สูงมาก
นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ให้มีความถูกต้องแม่นยำได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดในปัจจุบัน”
ดร.วิรัลดา ภูตะคาม กล่าว
ทั้งนี้
ชุดตรวจ HybridSure
ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการนำเสนอผลงานในโครงการ Leaders in
Innovation Fellowships Programme (LIF) ประจำปี 2562 สนับสนุนโดย Newton Fund และ The Royal
Academy of Engineering (RAEng) ประเทศสหราชอาณาจักร
เพื่อสนับสนุนการสร้างศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการให้กับนักวิจัยของประเทศไทยและสนับสนุนให้ผลงานวิจัยเกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
และได้รับรางวัล The Most Fundable Innovation Award ในงาน The
Asia Innovates Summit 2019 จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น