วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ชสอ. ยืนยัน สภาพคล่องเพียงพอ พร้อมช่วยเหลือสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบกรณีหุ้นกู้บริษัทการบินไทย




ตามที่มีข่าวเผยแพร่โดยทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) -THAI ของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) และสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ นั้น ชสอ.ยืนยัน..เตรียมสำรองสภาพคล่องทางการเงิน และร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ     เป็นเครือข่าย พร้อมเข้าช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เราจะไม่ปล่อยให้สหกรณ์ออมทรัพย์ใดเผชิญวิกฤตแต่เพียงลำพัง
พลตำรวจโท วิโรจน์ สัตยสันห์สกุล ประธานกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ชสอ. ขอเรียนชี้แจงข้อมูลสถานะทางการเงินของ ชสอ. ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เตรียมพร้อมสำรองสภาพคล่องไว้รวมทั้งสิ้น 21,754.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.23 ของเงินรับฝากและตั๋วสัญญา    ใช้เงิน (เป็นเงิน 119,324.92 ล้านบาท) 
สำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ THAI ของ ชสอ. นั้น ขอเรียนชี้แจงดังนี้
ข้อ 1. ชสอ. มีเงินลงทุนในหุ้นกู้ THAI เป็นเงินทั้งสิ้น 1,911.00 ล้านบาท (จำนวนเงินตามตั๋ว) หรือ มีต้นทุนที่ซื้อในตลาดรอง เป็นเงินทั้งสิ้น 1,919.45 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.25 หรือเพียง 1.25% ของสินทรัพย์รวม (สินทรัพย์รวมจำนวน 153,799.93 ล้านบาท) ในขณะที่ ชสอ. มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามแนวทาง Basel ถึง 24.04%
ข้อ 2. การลงทุนตามข้อ 1. ชสอ.มีการลงทุนเป็นระยะหลายปีมาตลอด ตั้งแต่ปี 2554
ปีที่ครบกำหนด
ปี 2563
ปี 2564
ปี 2565
ปี 2566-2570
ปี 2571-2575
เงินลงทุน
50
235
260
610
756
อัตราผลตอบแทน
4.8800
5.2622
4.7381
4.5041
4.5454
ข้อ 3. การลงทุนในหุ้นกู้ THAI ทั้งหมด ถือเป็นตราสารหนี้ ชสอ.มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาและทุกวันนี้ ชสอ. ยังได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนด ไม่มีเหตุอันเกิดความเสียหายต่อ ชสอ. หุ้นกู้ดังกล่าวของ ชสอ. เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 62 (3) และ (7) และข้อกำหนดของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ โดยหุ้นกู้ในขณะนั้น ต้องมีอันดับเครดิต (Credit Rating) ไม่ต่ำกว่า A- ซึ่งหุ้นกู้ THAI อยู่ที่ระดับ A และเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ข้อ 4. บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)-THAI เป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 51.03% กองทุนวายุภักษ์ 15.12% และธนาคารออมสิน 2.13% รวมทั้งสิ้น 68.28% โดยในปี 2562       THAI มีสินทรัพย์ 256,665 ล้านบาทและมีหนี้สิน 244,899 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีรายได้รวม 188,954.45 ล้านบาท
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ด้วยรายได้ 188,954.45 ล้านบาทในปี 2562  ชสอ.เชื่อว่า กิจการของ THAI ยังมีศักยภาพในเชิงธุรกิจที่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ หากมีแผนฟื้นฟูที่กิจการชัดเจนและมีศักยภาพ โดยแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) แล้ว และทราบว่า ในวันนี้จะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาขออนุมัติต่อไป
ด้าน นายไพบูลย์ แก้วเพทาย รองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ไปถือหุ้นกู้ในการบินไทย ตามทีอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 พบว่ามีทั้งหมด 82 สหกรณ์ เป็นหุ้นกู้ 81 สหกรณ์ เป็นมูลค่า 4.2 หมื่นล้านบาท สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้มีสินทรัพย์รวมกัน 1.77 ล้านล้านบาท ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ในสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ เป็นเงินทั้งหมด 3.3 ล้านล้านบาท


ชสอ.ขอยืนยันว่า สหกรณ์ออมทรัพย์กลุ่มนี้เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่มาก และมีฐานะการเงินที่มั่นคงสูง ถ้าเทียบปริมาณหุ้นกู้ที่ลงในบริษัทการบินไทยต่อสินทรัพย์แล้ว อยู่ที่ 3.61 % (42,229 หารด้วย 1,170,000 คูณด้วย100=3.61%) ของสินทรัพย์รวมเท่านั้น จะเห็นได้ว่า สัดส่วนที่ลงทุนในหุ้นกู้บริษัทการบินไทยฯ นั้น มีสัดส่วนเพียงนิดเดียว เมื่อเทียบกับสถานะทางการเงินของสหกรณ์โดยรวมหุ้นกู้บริษัทการบินไทยทั้งหมด ที่สหกรณ์ออมทรัพย์เข้าไปลงทุนนั้น จะทยอยครบกำหนดการชำระเงินคืน ตั้งแต่ปี 2563 ถึง ปี 2577
ในปี 2563 จะมีครบกำหนดทั้งหมด 20 สหกรณ์ เป็นเงิน 1,108 ล้านบาท เฉลี่ยครบกำหนดกระจายไปยังสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท หรือ 40 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท โดยจะครบเดือนสิงหาคม และกันยายน 2563 นี้  ส่วนใหญ่สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้จะปิดบัญชีตามรอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2563  แม้จะต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็ม 100% ถ้าหนี้ไม่ได้รับชำระในปี 2563 นี้ ชสอ.มั่นใจและเชื่อว่า จะไม่มีสหกรณ์ใดขาดทุนจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้ และจะส่งผลต่อกำไรสุทธิและเงินปันผลไม่มากนัก ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก็มีมาตรการรองรับไม่ให้มีผลกระทบมากนักไว้แล้ว
สำหรับทางออกของวิกฤตของบริษัทการบินไทยฯ ครั้งนี้  ชสอ.เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ตามข่าวล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ทราบว่าจะนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีในวันนี้(วันที่ 19 พฤษภาคม 2563) โดยเป็นแผนฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย ซึ่งจะดำเนินการผ่านกระบวนการทางกฎหมายล้มละลาย ภายใต้ศาลล้มละลายกลาง ซึ่งยังไม่ใช่ขั้นตอนของ การล้มละลาย และยังไม่มีการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่อาจต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูที่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหนี้และศาล
ผลกระทบในกรณีนี้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้  ซึ่ง ชสอ. ในฐานะศูนย์กลางของขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด เราพร้อมที่จะเป็นแกนกลางเพื่อรวมพลังสามัคคีให้มีความเป็นหนึ่งเดียว  เนื่องจาก ชสอ. และสหกรณ์ออมทรัพย์เป็นเจ้าหนี้ถึง 4.2 หมื่นล้านบาท เกือบ 20 % ของหนี้ทั้งหมดในบริษัทการบินไทย  เราควรมีอำนาจต่อรองแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้สมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์เสียประโยชน์น้อยที่สุด
ชสอ. ขอยืนยันว่า ขณะนี้ ชสอ.และสหกรณ์ออมทรัพย์ยังไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ การดำเนินธุรกิจก็ยังดำเนินไปตามปกติทุกประการ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรือตื่นตระหนกตกใจไปเกินกว่าสถานการณ์    ที่เป็นจริง ขอให้สมาชิกทั้งหลายโปรดมั่นใจและไว้วางใจในสหกรณ์ออมทรัพย์ของพวกเราทุกคน
อย่างไรก็ตาม  ชสอ.ได้ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ  พร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการและอุดมการณ์สหกรณ์ โดยได้จัดเตรียมแผนสำรองเงินสภาพคล่องไว้เพียงพอตลอดเวลา เพื่อรองรับวิกฤตอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...