3 เมษายน 2563
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดี กรมการค้าต่างประเทศ นำคณะกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานเขตจตุจักร
สน.พหลโยธิน มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
สมาคมการค้าประกอบการรีไซเคิลไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบการค้าของเก่าไทย สมาคมอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษไทย
มอบเงินทุนและชุดยังชีพข้าวสารอาหารแก่ซาเล้งผู้ประกอบอาชีพรับซื้อของเก่า ในช่วงบรรเทาทุกสถานการณ์โควิด
โดยมี ชาวซาเล้งซอยเสือใหญ่ ถนนรัชดาและอื่นๆ กว่า 500
ครัวเรือน มารับมอบ
โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสพบกับพวกเรา"ซาเล้งเพื่อนยาก"
อีกครั้งหนึ่งที่ได้มีโอกาสนำกระทรวงพาณิชย์ มาช่วยดูแล และส่วนลึกของตนนั้นความปรารถนาอยากช่วยเพราะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพสุจริตเพียงแต่ว่าอาจจะเป็นผู้ประกอบสุจริตในระดับรากหญ้า
เมื่อมีความทุกข์อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นหน้าที่ของนักการเมืองอย่างพวกตนและเป็นหน้าที่ของส่วนราชการ
หน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเข้ามาช่วยดูแลพวกเรา
"โดยวันแรกที่ได้คุยกับพวกเราเศษกระดาษราคาตกไปจนถึงกิโลกรัมละ
50
สตางค์อย่างที่ลุงบุญยิ่งได้กล่าวไปแต่หลังจากที่ผมได้จัดให้มีเวทีพบปะกัน 3-4 ครั้งระหว่างตัวแทนของพวกเรา ผู้รับซื้อของเก่าและโรงงานต้มเยื่อกระดาษ
รวมทั้งโรงงานผลิตกระดาษรีไซเคิลสถานการณ์ก็ดีขึ้นช่วยให้พวกเราสามารถนำเศษกระดาษไปขายได้อีกกิโลกรัมละ
1 ถึง 2 บาทและลุงบุญยิ่ง
(ชาวซาเล้ง)บอกว่าบางช่วงขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 3
บาทก็ขอแสดงความดีใจด้วยอยากเห็นพวกเรามีรายได้ที่ดีขึ้นเพราะรู้ว่าพวกเราเหน็ดเหนื่อย
ซาเล้งบางคนไม่มีเงินซื้อซาเล้งก็ต้องใช้รถเข็นเดินไปเป็นกิโล
หรือวันหนึ่งไม่รู้กี่กิโลห่างไกลขนาดไหน ได้มาก็ไม่รู้จะพอกินหรือเปล่า
ผมเข้าใจชีวิตพวกเราดี ถ้ามีโอกาสจะช่วยเหลือเจือจุนในเรื่องอะไรบ้างก็ยินดี ไม่ใช่เฉพาะที่ทำมาแล้วในอดีตและปัจจุบันหรืออนาคต
ผมก็ยินดีที่จะช่วยเหลือดูแลพวกเราเสมอและดีใจที่ลุงบุญยิ่งบอกว่าชาวซาเล้งวันนี้ได้จัดตั้งขึ้นมาเป็นสมาคมแล้วต่อไปเวลาเดือดร้อนอะไรก็จะได้ไม่อยู่ตามลำพังอย่างน้อยมีตัวแทนที่จะไปช่วยเจรจากับกลุ่มต่างๆ
เพื่อที่จะให้พวกเราได้มีสถานะชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบกับพวกเราที่ชุมชนเสือใหญ่และชุมชนใกล้เคียงวันนี้
ไปต่างจังหวัดเมื่อไหร่ถ้ามีพวกเราชาวซาเล้งอยู่ตั้งใจบอกกับปลัดกระทรวงแล้วว่าจะถือโอกาสไปพบกับพวกเราด้วย
และไปเยี่ยมถามสารทุกข์สุกดิบกับพวกเราที่กระจายอยู่ทุกภาคต่างๆ
ทราบว่าพวกเรามีรวมกันทั้งประเทศถึง 1.5
ล้านคนกระจายกันทำอาชีพสุจริต ดีใจที่พวกเราสามารถที่จะมีรายได้มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาตอนนี้อาจจะตกลงไปอีกเพราะวิกฤติโควิด
แต่เนื่องจากเจอกันทุกคนไม่ใช่เฉพาะพวกเรา
ขอให้อดทนพวกผมจะยืนเคียงข้างอยู่กับพวกเรา" นายจุรินทร์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า
ต่อกรณีตัวแทนชาวอาชีพซาเล้งอยากได้สิทธิ 5,000 บาทด้วยการขึ้นทะเบียนนั้น
จะลองหารือกับรัฐบาลดูว่าเข้าข่ายอาชีพอิสระที่สามารถจะได้รับเงินเยียวยาด้วยหรือไม่
ถ้าได้สามารถช่วยพูดให้จะช่วยเจรจาให้เพราะรู้ว่ายามนี้เงิน 5,000 บาทต่อเดือนก็มีคุณค่าสำหรับชีวิและครอบครัวที่มีภาระ บ้างลูกก็ต้องเรียนหนังสือ
บางคนสามีป่วยติดเตียง ทุกคนมีภาระที่จะต้องดูแลเข้าใจความทุกข์ยากพวกเราดีจะพยายามช่วยเจรจาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนนายจุรินทร์และกระทรวงพาณิชย์
ได้สร้างประวัติศาสตร์กระทรวงพาณิชย์หรือแก้ไขปัญหาการรับซื้อเศษกระดาษแล้วทั่วประเทศไม่ต่ำ
2 บาท โดยนายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เป็นประธานการหารือแนวทางแก้ปัญหาการนำเข้าเศษกระดาษ ทำให้กระดาษในประเทศราคาตกต่ำ
โดยร่วมหารือ 4 ฝ่าย ได้แก่ ซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า
โรงอัดกระดาษ และโรงผลิตกระดาษ จากปัญหาราคากระดาษในประเทศตกต่ำเฉลี่ย
ซื้อ-ขายกิโลกรัมละ 50 สตางค์ถึง 1 บาท
ทำให้เกิดไม่เป็นธรรมต่อชาวรากหญ้าที่มีอาชีพต้นทางของอุตสาหกรรม กระดาษ
และได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายร่วมหาแนวทางร่วมกัน ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกัน
โดยขอให้มีการรับซื้อเศษกระดาษเป็นไปตามกลไกราคาตลาด เพื่อปรับให้ราคาสูงขึ้นตลอดห่วงโซ่
เป้าหมายช่วยให้ซาเล้งมีรายได้ที่ดีขึ้น
และเมื่อมีสถานการณ์โรคระบาดจึงได้มีการประสานงานนำกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยบุคคลซึ่งมีอาชีพฐานรากของสังคมซึ่งได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการทักทายระหว่างนายจุรินทร์และประชาชนชาวซาเล้งนั้นเป็นไปด้วยความตื้นตัน
เนื่องจากหลายคนประทับใจอย่างยิ่งเพราะเข้าไม่ถึงถุงยังชีพและของช่วยเหลือต่างๆ
เนื่องจากครอบครัวซาเล้งจำนวนมากมาเช่าบ้านอยู่ในชุมชน
หรือเช่าบ้านเป็นหลังแต่การช่วยเหลืออาจจะไม่มีผู้นำชุมชนนำพา
ทำให้ตกหล่นการช่วยเหลือ หรือการบรรเทาทุกข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น