วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

“จุรินทร์” ตอกหน้า “มิ่งขวัญ” เกษตรกรได้ราคาผลไม้ดีเป็นหน้าที่ ด้านพาณิชย์เน้นสร้างสมดุล


          เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 เวลา 16:45 น. ที่อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์   หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์   รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ตอบข้ออภิปรายของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ  กรณีว่าทำไมจึงไม่ทำให้คนไทยได้กินทุเรียน และมะม่วงถูก แต่กลับนำไปส่งออกให้พ่อค้าคนกลางรวยว่า ภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในปัจจุบัน คือสร้างความสมดุล ระหว่างผู้บริโภคสามารถบริโภคผลไม้ราคาถูกได้ และให้เกษตรกรชาวสวนสามารถขายผลไม้ในราคาที่แพงได้  พร้อมทั้งกระจายผลไม้ไปยังตลาดทั้งในและต่างประเทศให้ได้มากที่สุด  กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการทั้ง 2 ส่วน ทั้งการช่วยชาวสวนผลไม้ระบายผลไม้ในตลาดภายในประเทศ และการส่งออกเพราะลำพังตลาดภายในประเทศไม่เพียงพอที่จะรองรับผลผลิตของเกษตรกรไทยได้  ในที่สุดก็จะนำไปสู่ราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ จึงจำเป็นต้องทำทั้ง 2 ส่วน โดยมุ่งเน้นและพยายามที่จะตัดคนกลางออกไป โดยใช้ระบบออฟไลน์และออนไลน์ เข้ามาช่วย ในส่วนตลาดออฟไลน์นั้น กระทรวงพาณิชย์พยายามที่จะช่วยให้ชาวสวนผลไม้สามารถส่งผลไม้มายังตลาดขายส่ง ด้วยทางลัดที่สุด เช่น การส่งมาที่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และส่งไปยังตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งส่งไปถึงมือผู้บริโภคโดยตรงจากเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่รวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์ รูปแบบกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้  ให้สามารถขายตรงถึงมือผู้บริโภคได้โดยตรง


         นอกจากนั้น ตนได้สั่งการเป็นนโยบายให้พาณิชย์จังหวัด ทุกจังหวัด ดำเนินการสำรวจความต้องการผลไม้ และพืชเกษตรตัวอื่นๆ ในจังหวัดของตัวเอง แล้วให้ร่วมมือกับภาคเอกชน โดยพาณิชย์จังหวัดจะต้องทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนจังหวัด เพื่อที่จะนำผลผลิตเกษตรและผลไม้ในจังหวัดตัวเองขายให้กับพาณิชย์จังหวัด และเอกชนในจังหวัดอื่น และจับคู่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างกันในรูปแบบที่เรียกว่า จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) หรือ ที่เรียกว่า เคาน์เตอร์เทรด  (Counter Trade) ทั้งในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนและในรูปแบบของการชำระเป็นตัวเงิน  ถ้าสินค้าที่แลกเปลี่ยนกันมีส่วนเหลื่อมของราคาก็ให้ชำระส่วนต่างเป็นเงินสดได้ และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่นโยบายหรือความฝัน ณ วันนี้ได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ มีความก้าวหน้าไปแล้วปรากฏว่าขณะนี้ทีมเซลส์แมนจังหวัดคือพาณิชย์จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด สามารถแลกเปลี่ยนสินค้า และซื้อขายสินค้า และผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งผลไม้ระหว่างกัน รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาทและจะดำเนินการต่อไป
         “อันนี้คือรูปแบบในการตัดคนกลางออกไป เพื่อให้สามารถซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ผลิต หรือเกษตรกรชาวสวน ให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง เพื่อโดยตัดขั้นตอนลงให้ได้มากที่สุด” รมว.พาณิชย์ กล่าว
         รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า  ส่วนของตลาดออนไลน์ ก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า นอกจากจะส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วก็ยังมีการทำตลาดออนไลน์ในประเทศด้วย เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคคนไทยสามารถที่จะซื้อผลไม้จากชาวสวนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง  แต่สามารถซื้อได้จากกลุ่มสหกรณ์การเกษตร  กลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตผลไม้โดยตรงที่โพสขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในช่วงที่ผ่านมาได้มีแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตผลไม้เปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าไปขายและผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงได้ ยกตัวอย่าง เช่น ลาซาด้า Shopee JD Central Thaipostmart ของไปรษณีย์ไทย เป็นต้น
          “กดหน้าจอสามารถสั่งซื้อผลไม้โดยตรงจากกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ได้ โดยไปรษณีย์ไทยจะเป็นบริษัทกลางในการที่จะดำเนินการนำผลไม้จากจุดรวมศูนย์ของกลุ่มสหกรณ์และจัดส่งให้กับท่านโดยตรง”  รมว.พาณิชย์ กล่าว
          รมว.พาณิชย์  กล่าวทิ้งท้ายว่า  ภารกิจของกระทรวงพาณิชย์คือทำอย่างไรที่จะให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้สามารถขายผลไม้ได้ราคาดีที่สุด และขณะเดียวกันผลไม้ไม่ตกค้างอยู่ในตลาด เพราะบริโภคเฉพาะตลาดในประเทศไม่พอ เราสามารถส่งออกไปได้ด้วย และขณะเดียวกันทำอย่างไรให้ผู้บริโภคไทยสามารถบริโภคผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางหลายทอดในราคาที่ยุติธรรมและเกรดพรีเมียมมากขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...