นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวด้วยความเป็นกังวล ว่า สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้น่าห่วงมาก
ทั้งเรื่องภัยแล้งที่เคยเตือนเกษตรกรให้ได้เตรียมการวางแผนรับมือตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนปีที่แล้วและเป็นระยะๆ
ด้วยมองว่าจะเกิดผลกระทบกับเกษตรกรมากที่สุดและเชื่อมั่นว่าจะมาบ่อยและถี่ขึ้นซึ่งปีนี้หนักหน่วง
ขอให้เกษตรกรใช้โอกาสนี้เตรียมการรองรับในระยะยาว เช่น
เตรียมสระหรือขุดบ่อน้ำในไร่/นา/สวน ปรับโครงสร้างการผลิต
หากิจกรรมสร้างรายได้เสริม อาทิเช่น หากทำสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน
และอื่นๆอาจเสริมด้วยการปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย สมุนไพร ระหว่างร่องของพืชหลัก
หรือปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงแพะ แกะ วัว กระบือ ไก่พื้นเมือง
เพราะภาคปศุสัตว์เป็นกิจกรรมที่ใช้น้ำน้อย ส่วนเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลอัดฉีดให้
ขอให้ใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดและให้อยู่ในกระเป๋ายาวนานที่สุด
เพราะคาดไม่ได้ว่าฝนแรกจะมาเมื่อไหร่สถานการณ์จะลุกลามและยืดยาวนานแค่ไหน
รวมทั้งขณะนี้สถานการณ์การลุกลามของไวรัสโคโรนา (COVID-19)
แนวโน้มจะลามไปทั่วโลก เกษตรกรจะมีผลกระทบ 2
ด้าน คือ การกลับมาของลูก/หลาน/ญาติ
ที่ไปเรียน/ทำงานในประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วเดินทางกลับมาเยี่ยมหรือกลับบ้าน
ต้องมีวินัยในการดูแลเป็นอย่างมาก แยกออกจากกลุ่มคนในครอบครัว
พื้นที่มีคนเยอะควรหลีกเลี่ยง/ละเว้น เป็นต้น
ด้านผลกระทบเศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้าจะสั่งสินค้าเกษตรลดลงมาก
ส่วนราคาในประเทศไทยจะถูกแรงกดดันจากการส่งออกน้อยลงและตกค้างแนวโน้มราคาจะตกต่ำ
หากอยู่ในภาคการผลิตอาหารผลกระทบไม่น่าห่วงเท่าไหร่เพราะทุกคนต้องกินต้องใช้ หากอยู่ในภาคการส่งออกจะมีผลกระทบมากที่สุด
ณ ช่วงเวลาแบบนี้เกษตรกรจึงควรหันมาทบทวน เตรียมการสำหรับตนเองและครอบครัว
ซื้อให้น้อยที่สุดและเก็บเม็ดเงินให้มากและยาวนานที่สุด เตรียมศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะพัฒนาการเกษตรของตนเองให้ทันสมัยมากขึ้น
ลดความเสี่ยงให้น้อยลง
“วิกฤติคราวนี้หากปรับโครงสร้างการผลิตพื้นที่ตัวเองได้ก็จะถือว่าเป็นโอกาสใหม่ในการสร้างอนาคตใหม่ให้กับชีวิตของท่านเอง
ให้กำลังใจกับทุกท่านขอให้ทุกท่านมีสติและดูแลตัวเองดีๆ” ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น