กรมส่งเสริมการเกษตรปลื้ม หลังดันเกษตรกรเข้าโมเดล
“เกษตรเชิงพื้นที่”ทำรายได้กลุ่มปลูกผักปลอดภัยสามโคกพุ่งเฉลี่ยปีละ 5-6 แสนบาท พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพสินค้าชุมชนสู่เกรดพรีเมี่ยม
รุกขยายพื้นที่ครอบคลุม 77 จังหวัด มุ่งกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างความมั่นคง ยั่งยืนระยะยาว
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า หลังจากปี 2562
กรมส่งเสริมการเกษตรได้ผลักดันงานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่เป็นโมเดลนำร่องใน 6
จังหวัด ประกอบด้วย 1.แปลงใหญ่ผักปลอดภัย อ.สามโคก
จ.ปทุมธานี 2.แปลงใหญ่ผัก อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ 3.วิสาหกิจชุมชนมะพร้าวอ่อนน้ำหอม
ต.ดอนมะโนรา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม 4.วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอมบางตลาด
อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา 5.แปลงใหญ่มังคุด อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และ6.กลุ่มผู้ปลูกอโวคาโดแบบครบวงจร
อ.พบพระ จ.ตาก
ทั้งนี้ จากผลดำเนินการในปี 2562 ปรากฏว่าช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตและพัฒนาคุณภาพสินค้าของชุมชนสู่ระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น
ทำให้เกษตรกรในชุมชนมีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนมีการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและแนวทางกระจายผลประโยชน์สู่ชุมชน
จากการร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมวางแผน ร่วมลงมือทำ และร่วมรับผลอันจะก่อให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน
จากผลความสำเร็จดังกล่าว ในปี 2563นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงมีแผนในการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ขยายไปยัง
77 จังหวัดทั่วประเทศ
โดยรูปแบบแนวทางการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่จากการถอดบทเรียนความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
เกิดเป็นรูปแบบส่งเสริมการเกษตร 3 รูปแบบหลัก คือ 1.รูปแบบผัก ซึ่งเกิดแนวทางการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและแนวทางกระจายผลประโยชน์สู่ชุมชน
2.รูปแบบมะพร้าว ซึ่งเกิดแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตามความต้องการของตลาด
ตลอดจนแนวทางจัดการกระบวนการผลิตแบบไม่เหลือทิ้งหรือขยะเหลือศูนย์ (Zero
Waste) และ 3.รูปแบบไม้ผล (มังคุดและอโวคาโด)
ซึ่งเกิดแนวทางการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ระดับพรีเมี่ยม โดยล่าสุดกรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดเป็นนโยบายให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรพิจารณาพื้นที่เพื่อดำเนินการตามรูปแบบโมเดลการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่แล้ว
จังหวัดละ 1 จุด เพื่อเป็นต้นแบบในจังหวัดของตน
ในการต่อยอดโมเดลการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ 6 จุดนำร่อง
สู่พื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในการวิเคราะห์คน พื้นที่ สินค้า ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการพัฒนา
(Area
Base) โดยบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกลไกการทำงานส่งเสริมการเกษตรในลักษณะรายบุคคล
(Individual Approach) การส่งเสริมแบบกลุ่ม (Group Approach)
และการส่งเสริมรายสินค้า (Commodity Approach) เพื่อกระจายผลประโยชน์สู่ชุมชน
ด้านนายวิรัช แม่นสุวรรณ
เกษตรกรแปลงใหญ่ผักปลอดภัย ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนเองได้หันมาปลูกผักปลอดภัยมาตรฐาน
GAP ภายใต้โครงการแปลงใหญ่มา 2 ปี จากนั้นได้รับการส่งเสริมการทำเกษตรเชิงพื้นที่จากกรมส่งเสริมการเกษตร
ผ่านกลุ่มผักแปลงใหญ่ตำบลบางเตย โดยกลุ่มตนจะมีสมาชิก 40 ราย โดยมีการรวมกลุ่มกันผลิต
รวมกลุ่มการขายตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้ด้านผลิตที่ได้คุณภาพ
มาตรฐานโดยจะมีเจ้าหน้าที่จากเกษตรอำเภอเข้ามาอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับตนเองปลูกผัก 25 ไร่ อาทิ ผักกาดหอม
ตั้งโอ๋ โหระพา กะเพรา มีตลาดรับซื้อ 2 ช่องทางคือ ช่องทางแรกจำหน่ายผ่านกลุ่มกลุ่มผักแปลงใหญ่ตำบลบางเตย
ซึ่งจะมีโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐาน และอีกช่องทางจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดไทและตลาดสี่มุมเข้ามารับซื้อถึงแปลง
โดยราคาจำหน่ายผลผลิตในช่วงฤดูกาลปกติเฉลี่ย 10-15บาท/กก. เดือนหนึ่งจะมีรายได้ประมาณ
30,000-50,000 บาท หรือเฉลี่ยปีละ360,000-600,000บาท และในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายนราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเข้าหน้าร้อนผลผลิตจะออกน้อยลง
โดยบางปีสามารถขายได้เฉลี่ย 90-100 บาท/กก. กระบวนการผลิตจะทำแปลงเป็นร่องๆ ในหนึ่งร่องมีความกว้างประมาณ
5 เมตร ยาว 40 วา ปัจจุบันมี 30 ร่อง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเฉลี่ย
1,200 กก./ร่อง และใช้เวลาในการผลิต 45 วันถึงจะเก็บเกี่ยวได้ สำหรับแปลงของตนยังใช้ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ระดับหนึ่งเนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานในการรดน้ำหรือดูแลแปลง
“ความสำเร็จในการปลูกผักปลอดภัยภายใต้แนวทางการทำเกษตรเชิงพื้นที่
อันดับแรกคือกระบวนการผลิต ทำเลที่ตั้งของจังหวัดซึ่งอยู่ใกล้ตลาดและกรุงเทพมหานคร
ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวต้องได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจแปลงเป็นระยะๆ เราจะใส่ใจตั้งแต่การปรับปรุงดิน เพาะพันธุ์กล้าเอง
ใช้เทคโนโลยีระบบให้น้ำในแปลงที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตและแรงงาน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ให้การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กับกลุ่มเพื่อใช้สำหรับซื้อปัจจัยการผลิต
โดยปี 2562 ตนทำรายได้จากการปลูกผักปลอดภัยขายประมาณ 600,000 บาท คิดเป็นกำไรประมาณ 300,000 บาท
ซึ่งการปลูกผักปลอดภัยถือเป็นจุดแข็งของกลุ่มผักแปลงใหญ่ตำบลบางเตย
ชุมชนเราจะได้เปรียบในเรื่องแหล่งน้ำที่มีใช้ตลอดปีเนื่องจากติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งปัจจุบันถือเป็นชุมชนที่เป็นแหล่งผลิตผักปลอดภัยที่สำคัญของตลาดค้าส่งระดับประเทศ”
นายวิรัช กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น