วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563

มกอช. ออกมาตรการคุมเข้มรับมือ COVID-19 ตั้งศูนย์เฝ้าระวัง คัดกรองคนเข้าออก

        มกอช. สนองนโยบายรัฐบาล ออกประกาศฯ หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 เน้นย้ำให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค 


         ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ที่ประเทศไทยได้ประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มการระบาดรุนแรงขึ้น และมีผู้ติดเชื้อในวงกว้างเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงได้สั่งการให้ส่วนราชการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ และปฏิบัติตามมาตรการข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด เพื่อชะลอและหยุดยั้งการระบาดของโรค ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 


        มกอช. จึงได้ออกประกาศฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีมาตรการและแนวทางเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกัน และเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อ COVID-19 ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยให้มีคณะทํางานเฉพาะกิจ และให้จัดตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์   การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” รวมทั้งจัดให้มีจุดคัดกรองและควบคุมการเข้าออก โดยผู้ที่จะเข้ามาภายในสํานักงานต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่จุดตรวจ ณ บริเวณประตูทางเข้าสํานักงาน ทั้งนี้ หากผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพบว่ามีไข้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในอาคารสํานักงาน โดยให้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้นโดยเร่งด่วน เพื่อสั่งการให้หยุดปฏิบัติงาน


           นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงาน โดยกําหนดเวลาทํางานเป็น 3 ช่วงเวลา รวมทั้งให้งดกิจกรรมรวมคนจํานวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรค เช่น การจัดประชุมสัมมนาที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป การจัดงานแสดงสินค้าเกษตร เป็นต้น งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัดของหน่วยงานที่มีคนจํานวนมาก หรือหากจําเป็นต้องเคลื่อนย้ายต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ของโรค ส่งเสริมให้ใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต เช่น การประชุมทางไกล เป็นต้น ให้บุคลากรใช้หน้ากากผ้าเมื่อเดินทางเข้าสถานที่ที่มีคนจํานวนมาก รวมถึงการลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ เช่น การวางเจลล้างมือในจุดที่มีการใช้ร่วมกัน การทําความสะอาดพื้นผิวและห้องสุขา รวมไปถึงการจัดสถานที่ทํางานไม่ให้แออัดและจัดที่นั่งให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
         เลขาธิการ มกอช. กล่าวต่อไปว่า หากมีความจําเป็นที่จะต้องปฏิบัติราชการนอกสถานที่ ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นรายงานและเสนอให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาสั่งการให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ปฏิบัติราชการนอกสถานที่ พร้อมทั้งระบุเป้าหมายของงานที่ปฏิบัติในช่วงเวลาที่ไม่ได้เข้ามาปฏิบัติราชการ ณ สํานักงานฯ โดยให้ ข้าราชการ พนักงานราชการ ทําบันทึกข้อตกลงกับผู้บังคับบัญชาชั้นต้น และระบุเป็นผลสําเร็จของงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นกํากับและติดตามอย่างสม่ำเสมอ โดยข้าราชการ พนักงานราชการ จะต้องรายงานความก้าวหน้าการดําเนินงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะ ซึ่งการกํากับและติดตามการปฏิบัติงาน อาจดําเนินการโดยผ่านระบบหรือช่องทางดิจิทัล และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการปฏิบัติราชการนอกสถานที่ ข้าราชการ พนักงานราชการ จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานต่อผู้บังคับบัญชา โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการ พนักงานราชการ พร้อมทั้งรายงานผลสําเร็จของงานต่อหัวหน้าส่วนราชการ
         “ให้บุคลากรในสังกัดถือปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้โดยเคร่งครัด หากไม่ดําเนินการตามประกาศฉบับนี้ถือเป็นการกระทําผิดวินัย กรณีไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และในกรณีที่มีการรายงานเท็จ หรือปกปิดข้อมูล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ ถือเป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง” เลขาธิการ มกอช. กล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...