สศก.
เผยแผนมาตรการเยียวยาแรงงานคืนถิ่น จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 เตรียมชูโครงการ “แรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นผืนดินเกษตรไทย ด้วยศาสตร์พระราชา”
นายระพีภัทร์
จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก) กล่าวว่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน)
เน้นย้ำการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร และแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 พร้อมได้เปิดเผยถึงแนวทางมาตรการการเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด
19 หลังจากตนเองได้ลงพื้น พร้อมผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ที่ 11 และคณะ ณ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีษะเกษ
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 เพื่อหารือกับ
ปราชญ์ชาวบ้านด้านเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) อ. กันทรารมย์
จ.ศรีสะเกษ และประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)
ระดับประเทศ เตรียมทางรอดรองรับแรงงานคืนถิ่นจากกรุงเทพ
ที่ตกงานจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมถึง แรงงานไทยที่กลับมาจากต่างประเทศ เช่น
เกาหลี และจีน เป็นต้น
โดย สศก. เตรียมเสนอ โครงการ “แรงงานคืนถิ่น
พลิกฟื้นผืนดินเกษตรไทยด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อเป็นอาชีพทางรอดสำหรับการเยียวยา
เน้นการทำการเกษตรผสมผสานแบบพอเพียง เพื่อให้สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายใน
7-10 วัน เป็นทางรอด และสร้างภูมิคุ้มกันในสภาวะปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคร้ายโควิดนี้ โดยเน้นการปฎิบัติอย่างมีสติ
คิดและทำเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้จิตมีสมาธิสามารถทบทวนแก้ไขปัญหา
หลุดกับดักที่ประสบอยู่
จากนั้นค่อยเรียนรู้และขยายผลสู่การทำการเกษตรกรรมยั่งยืน
เพื่อให้สามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
พลิกฟื้นชีวิตด้วยศาสตร์พระราชา
ด้านนายเชิดชัย
จิณะแสน เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
และประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (ศพก) ระดับประเทศ
และปราชญ์ชาวบ้านด้านเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวเพิ่มเติมว่า
ตนได้ติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด 19 มาโดยตลอด และมีความเป็นห่วงแรงงานที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับ สศก.
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล ดังนั้น ตนเอง
พร้อมจะถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้ลงมือทำการเกษตร
ด้วยการใช้ศาสตร์พระราชา มากว่า 20 ปี
รวมถึงประสบการณ์ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สังคมมากกว่า 13 ปี
ร่วมกับ สศก.และหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้กับแรงงานคืนถิ่นและผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19
โดยยินดีนำศูนย์ ศพก. ของตนเอง
เข้าร่วมโครงการนำร่องร่วมกับ สศก.
จัดทำหลักสูตรเพื่อพัฒนาและขยายผลสู่แรงงานคืนถิ่นที่สนใจทำการเกษตรผสมผสาน
ตั้งแต่ขั้นต้น ขั้นกลาง สู่การเกษตรยั่งยืน เบื้องต้น ในศูนย์การเรียนรู้
จะประกอบด้วย 9 ฐานเรียนรู้หลัก ประกอบด้วย
ฐานเริ่มต้นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ฐานพิพิธภัณฑ์ชาวนา ฐานที่อยู่อาศัย
ฐานการทำประมงเพาะเลี้ยง ฐานการเลี้ยง ปศุสัตว์ ฐานปลูกพืชสวนครัว
ฐานการปลูกไม้ผล ฐานการปลูกสวนป่า ไม้เศรษฐกิจ อาทิ พะยูง และสัก เป็นต้น
และฐานทำนา
เลขาธิการ
สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเร่งจัดทำร่างโครงการแล้วเสนอปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ความเห็นชอบ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมดำเนินการกับ สศก. และ กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) รวมทั้ง
สำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรณี หากต้องใช้ที่ดินของ ส.ป.ก. ในการเร่งขยายผลการฝึกอบรมสร้างความรู้ผ่านไปยัง
ศพก. ทั่วประเทศ 882 ศูนย์ และศูนย์เครือข่ายกว่า 10,000 ศูนย์
ทั่วประเทศ เพื่อเป็นทางรอดและสร้างภูมิคุ้มกันในสภาวะปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคร้ายโควิดครั้งนี้
นอกจากนี้
สศก. ยังได้เตรียมเสนอโครงการที่สำคัญอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย 1) โครงการบัณฑิตจิตอาสาร่วมพัฒนาสหกรณ์ไทย
โดยมีเป้าหมายให้นิสิต นักศึกษาจบใหม่ในระดับปริญญาตรี
ที่หางานทำยากในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เข้ามามีส่วนร่วมฝึกอบรมและช่วยปฎิบัติงานจริง ณ
หน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิสหกรณ์การเกษตร ทั่วประเทศ และ 2)
โครงการสร้างผู้ประกอบการด้านการให้บริการทางการเกษตร Agri-business
provider โดยมีกลุ่มเป้าหมายให้นิสิต นักศึกษาจบใหม่
หรือแรงงานผู้ถูกเลิกจ้าง
ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการด้านการเกษตรสมัยใหม่เข้ารับการอบรมเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร
Agri-tech and Inovation ณ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร
(Agri-tech and Innovation Center:AIC) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำบันทึกความร่วมมือ
( MOU) กับสถาบันการศึกษา 77
จังหวัดทั่วประเทศไว้แล้ว
เพื่อพัฒนาและต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพด้านการให้บริการทางการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร
ก้าวสู่การทำการเกษตรแบบแม่นยำ precision farming และการเป็น
smart farmer ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น