“ประภัตร”
นำทีม ปศุสัตว์-ธกส. ประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติงาน
โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ก่อนลุยขอนแก่นโมเดล kickoff โครงการมอบสินเชื่อแห่งแรก
นายประภัตร
โพธสุธน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงาน
โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้บันทึกความเข้าใจ
ระหว่าง กรมปศุสัตว์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ณ อาคารสัมมนาบึงฉวาก
รีสอร์ท อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย
กรมปศุสัตว์ และ ธ.ก.ส. มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ โคเนื้อ
กระบือแพะเนื้อ และไก่พื้นเมือง รวมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่อง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถภาคปศุสัตว์ไทย ฟื้นฟูอาชีพแก่เกษตรกร
บรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ
และผลกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ
พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดการตลาดผลิตผลการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์
และเพื่อเป็นการสร้างอาชีพทางเลือกใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงสัตว์
จำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ จึงได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU) โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่
6 ธ.ค. 62 ณ ห้องประชุม 134-135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้น
นายประภัตร
กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการบรรลุวัตถุประสงค์
สามารถสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืนแก่เกษตรกร
จึงได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงแนวทางให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมปศุสัตว์ทั่วประเทศ
และผู้บริหารระดับสูงของ ธกส. เพื่อมอบนโยบายในการปฏิบัติ
และสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
พร้อมทั้งระดมความคิดเพื่อออกคู่มือการปฏิบัติที่สมบูรณ์ อีกทั้งในพรุ่งนี้ (17 ธ.ค. 62) จะมีการคิกออฟขับเคลื่อนโครงการฯ โดยใช้ จ.ขอนแก่น นำร่องแห่งแรก
หรือ ‘ขอนแก่นโมเดล’
ซึ่งจะเดินทางไปเป็นประธานพิธีมอบสินเชื่อโครงการระบบเกษตรแปลงใหญ่
และโครงการ xyz ให้กลุ่มเกษตรกร ณ
วิทยาลัยเทคโนโลยีนครขอนแก่น ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อไป
“สถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำซากในหลายพื้นที่
ส่งผลกระทบให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามปกติ และยังได้ผลผลิตต่ำ รวมถึงขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อฟื้นฟูหรือปรับเปลี่ยนอาชีพ
ตลอดจนนายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกครั้งให้กระทรวงเกษตรฯ
เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งได้มอบนโยบายให้กับกรมปศุสัตว์จะทำอย่างไรให้เกษตรกรมีกินมีใช้ภายในระยะเวลา 4 เดือน ดังนั้นจึงต้องหันมาพึ่งด้านปศุสัตว์ เพราะใช้น้ำน้อย และมีราคาดี
ทั้งวัว หมู แพะแกะ และไก่พื้นเมือง” นายประภัตร กล่าว
ด้าน
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ขณะนี้กรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการสำรวจความต้องการของกลุ่มเกษตรกร
คาดว่าภายในสิ้นเดือน ธ.ค. นี้ จะได้รายชื่อกลุ่มทุกจังหวัด โดยตั้งเป้าแต่ละจังหวัดต้องมี 100 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน เพื่อร่วมกันดำเนินโครงการตามที่ได้เลือกไว้
สำหรับกรอบแนวทางความร่วมมือ
ของ mou ดังนี้
กรมปศุสัตว์ จะรับผิดชอบในการให้คำแนะนำในด้านการจัดการเลี้ยงสัตว์กำหนดคุณลักษณะเฉพาะสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการ
การจัดการด้านการควบคุมป้องกันโรค การดูแลสุขภาพ การควบคุมมาตรฐานฟาร์ม
การเคลื่อนย้าย
การควบคุมการใช้สารต้องห้ามตามกฎหมาย การจัดทำฐานข้อมูล
และการให้บริการพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์โครงการ
รับสมัครสหกรณ์การเกษตร หรือกลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชน หรือนิติบุคคลอื่นๆ
หรือบุคคลธรรมดา และคัดกรองเบื้องต้น ผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้าร่วมโครงการ
และให้การสนับสนุนประสานงานด้านการตลาดตลอดห่วงโซ่การเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์การเกษตร
หรือกลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชน
ส่วนทางด้าน
ธ.ก.ส. นั้น จะทำการประชาสัมพันธ์ ชี้แจง
สร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรและผู้เข้าร่วมโครงการ พร้อม
ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการจัดทำแผนธุรกิจการเลี้ยงสัตว์
เพื่อให้เป็นไปตามที่โครงการกำหนด และให้การสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกร
วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกร นิติบุคคล และกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ
รวมทั้งบริหารสินเชื่อตลอดระยะเวลาโครงการ
สนับสนุนการจัดการตลาดตลอดห่วงโซ่การเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น