นายโอภาส
ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า
ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นโอกาสอันดีที่จะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทุกคน เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโดยนำหลักการทำบัญชี
๓ มิติ มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ได้แก่ รู้ตนเอง รู้สภาพแวดล้อมและรู้อนาคต
ยึดตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
คือ การพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท สามารถคิด วางแผน ลงมือทำ ทบทวน
นำไปพัฒนาอาชีพของตนเอง โดยมีบัญชีเป็นภูมิคุ้มกันและคู่มือชีวิต ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ
ไม่ประมาท พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า บัญชี
๓ มิติ เริ่มจาก มิติแรก“รู้ตนเอง” รู้ถึงการใช้จ่ายเงินในแต่ละวัน รู้รายได้ รู้รายจ่าย รู้หนี้สิน
เปรียบเทียบรายได้ รายจ่าย ฝึกนิสัยการใช้เงิน เริ่มต้นจากลงมือทำบัญชีประจำวัน โดยคิดวิเคราะห์ถึงรายรับ
รายจ่าย สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป ซึ่งไม่เพียงทำให้ทราบรายรับ – รายจ่าย
และข้อมูลทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและการพัฒนาในด้านต่างๆ
ให้ผู้ทำบัญชีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการดำรงชีวิต
ช่วยให้เกิดการจัดระเบียบวินัยในการใช้จ่ายและมองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้
มิติที่สอง คือ “รู้สภาพแวดล้อม” คิดและวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีอย่างเป็นระบบ รู้การตลาด รู้สังคม
รู้สิ่งแวดล้อม รู้ภูมิอากาศ ภูมิปัญญาพื้นถิ่น สร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในชุมชน
มีการจัดสรรด้านรายจ่าย ลงทุน และเงินออมอย่างเหมาะสม สร้างนิสัยรักการออม
และนำไปสู่ความพอเพียง มิติสุดท้าย คือ “รู้อนาคต”นำข้อมูลทางบัญชีและหลักวิชาการมาใช้วางแผนการประกอบอาชีพ ทำให้รู้ทิศทางการตลาด
รู้การวางแผนจัดการอาชีพล่วงหน้า สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ที่คิด-วางแผน-ลงมือทำ-ทบทวน
ทำให้สามารถกำหนดแผนการประกอบอาชีพและแผนในการดำเนินชีวิตได้ นำไปสู่ความยั่งยืน
“การมีวินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นในการวางแผนการดำเนินชีวิต
ซึ่งหากนำหลักบัญชี ๓ มิตินี้ ไปวางแผน ปรับใช้ให้เหมาะสม ทำบัญชีได้
ใช้ข้อมูลเป็น สามารถนำข้อมูลที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองและคนในครอบครัว
มองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้ สามารถวางแผนการลงทุนและการผลิตได้ดียิ่งขึ้น ก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและเกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
อีกทั้งเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน นำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น