วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เกษตรชู 10 พืชพันธุ์ดีอัตลักษณ์เด่นของท้องถิ่น ดันสร้างรายได้ ลดต้นทุนเกษตรกรไทย


                                                                                                        
     จากปัญหาขาดแคลนพืชพันธุ์ดีและเกษตรกรไทยไม่สามารถเข้าถึงพันธุ์พืชพันธุ์ดี ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตรใช้พันธุ์พืชที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิตตลอดจนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากปัญหาดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ทำการคัดเลือกพืชท้องถิ่นพันธุ์ดีจากศูนย์ขยายพันธุ์พืช 10 ศูนย์ซึ่งตั้งอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยนำมาส่งเสริม ศึกษา วิจัย ทดสอบ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์และพืชพันธุ์ดีมีคุณภาพและปลอดโรค โดยเน้นขยายพันธุ์พืชท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นตามลักษณะพื้นที่ของภูมิภาคพร้อมกระจายพันธุ์และเมล็ดพันธุ์สู่ชุมชน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย



  นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรประสบความสำเร็จอย่างมากในการขยายพันธุ์พืชในชั้นพันธุ์ขยายและชั้นพันธุ์จำหน่ายจนได้พืชพันธุ์ดีมีอัตลักษณ์ท้องถิ่นจำนวน 10 ชนิดจากศูนย์ขยายพันธุ์พืช 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช ชลบุรี นครราชสีมา อุดรธานี บุรีรัมย์ มหาสารคาม ลำพูน พิษณุโลก และสุพรรณบุรี  ประกอบด้วยพันธุ์พืชพื้นเมือง พันธุ์พืชหายาก พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีการนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็นอาหาร เป็นยา หรือเป็นไม้ประดับ โดยแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ คือ ข้าว-พืชไร่ ไม้ผล-ไม้ยืนต้น ไม้ดอก-ไม้ประดับ และพืชผัก-สมุนไพร  เพื่อรองรับการผลิตและขยายพันธุ์พืชในชั้นพันธุ์ขยายและชั้นพันธุ์จำหน่ายไปสู่กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน Young Smart Farmer กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ตลอดจนภาคีเครือข่ายที่มีความต้องการผ่านกลไกงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่


    สำหรับพืชพันธุ์ดีมีอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นของภูมิภาคต่างๆทั้ง 10 ศูนย์ ประกอบด้วย 1.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 1 จังหวัดชลบุรี ได้แก่กล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นพืชที่ปราศจากโรคและแมลง ตรงตามที่เกษตรกรต้องการ พันธุ์นี้ในเครือจะมี 12 หวี  เครือใหญ่ น้ำหนักเครือมากกว่า 30 กิโลกรัมจำนวนผลต่อหวีประมาณ 18 ผล ไส้กลางไม่แข็ง ออกสีเหลือง เนื้อแน่น  
 2.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง ได้แก่  กล้วยไม้ป่าของภาคใต้จำนวน 70 กว่าสายพันธุ์ และกล้วยหินปลอดโรค ซึ่งศูนย์ได้มีการดำเนินการผลิตกล้วยหินปลอดโรคเพื่อสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ โดยเริ่มกระบวนการตั้งแต่การจัดทำแปลงแม่พันธุ์กล้วยหิน การผลิตต้นพันธุ์กล้วยหินปลอดเชื้อโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ  
 3.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่มะขามเทศพันธุ์เพชรโนนไทย ดำเนินการจัดทำแปลงแม่พันธุ์ไว้ผลิตขยายให้แก่เกษตรกรผู้สนใจ รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่กระบวนการเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว


   4.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช  ได้แก่  ส้มโอทับทิมสยาม ประสานร่วมมือกับเครือข่ายแปลงใหญ่ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง เพื่อเป็นศูนย์กลางในการผลิตขยายพันธุ์ ต้นพันธุ์ส้มโอทับทิมสยามพันธุ์ดี ตอบสนองความต้องการในเขตพื้นที่และผู้ที่สนใจทั่วไป 
   5.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 5 จังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่  ไผ่หม่าจู ด้วยภาคอีสานตอนล่างมีพื้นที่แห้งแล้ง ไผ่จึงเหมาะสมที่จะเป็นพืชสร้างรายได้พื้นที่ เนื่องจากเป็นพืชที่ทนแล้ง ใช้น้ำน้อย และสามารถดึงความชื้นจากอากาศความชุ่มชื้นในพื้นที่ได้ ไผ่ชนิดนี้ นอกจากนำลำมาใช้ประโยชน์นานาประการแล้ว หน่อยังมีรสชาติที่ดี ประหยัดพลังงานในการแปรรูปด้วยการต้มเพียงน้ำเดียวก็จะสามารถบริโภคได้ อีกทั้งมีกรดยูริคในปริมาณที่ต่ำมาก และยังมีวิธีการขยายพันธุ์อย่างง่าย ด้วยการตอนไผ่ 
    6.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก ได้แก่ กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มีการฝึกอบรมเกษตรกรและจัดทำแปลงเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีแหล่งพันธุ์กล้วยน้ำว้าปลอดโรค และเข้าใจวิธีการปลูกกล้วยน้ำว้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มปริมาณวัตถุดิบกล้วยสดไว้รองรับ ความต้องการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กล้วยตากและกล้วยแปรรูปชนิดต่าง ๆ


    7.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 7 จังหวัดมหาสารคาม  ได้แก่  มะละกอพันธุ์ครั่ง ได้รับรองพันธุ์ในปี พ.ศ. 2549 เนื้อผลดิบมีสีขาวขุ่นกรอบมาก มีรสหวานเล็กน้อยเป็นเอกลักษณ์เหมาะสมสำหรับตำส้มตำ เป็นมะละกอพันธุ์เบาติดผลเร็วและยังมีความทนทานต่อโรคแมลงสามารถปลูกทุกสภาพดินและปลูกได้ตลอดทุกฤดูกาล ทำให้เป็นที่ต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ 
   8.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 8 จังหวัดลำพูนสตรอว์เบอร์รี วิธีการผลิตต้นพันธุ์สตรอว์เบอร์รีด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งจะได้ต้นพันธุ์ที่ปลอดโรคและสามารถผลิตได้ จำนวนมาก เนื่องจากทางศูนย์ฯ มีความพร้อมของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ และบุคลากรในการผลิต ซึ่งมีเป้าหมาย ผลิตต้นพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่ปลอดโรค พันธุ์พระราชทาน 80 จากห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จำนวน 200,000 ต้น/ปี
   9.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่  หน่อไม้ฝรั่งสายพันธุ์บร็อคอิมพรู๊ฟ ต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเมื่อปลูกลงแปลงจะให้ต้นที่มีความสม่ำเสมอ มีความต้านทานโรคและแมลง ปริมาณผลผลิตที่ได้จะให้หน่อที่ได้มาตรฐาน ผลผลิตร้อยละ 80 ได้คุณภาพเกรดสูง (A) และร้อยละ 20 ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทำรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 200 ล้านบาท 
   10.ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่  “อ้อย”เป็นพืชหนึ่งได้นำเอาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชมาใช้ในการผลิตขยายพันธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพันธุ์อ้อยคุณภาพดี และช่วยลดการระบาดของโรคใบขาวอ้อย
   “การผลักดันให้ศูนย์ขยายพันธุ์พืชดำเนินการตามบทบาทภารกิจนี้ นอกจากจะช่วยตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในชุมชนในการให้บริการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และพืชพันธุ์ดีที่มาจากการทดลองศึกษา วิจัยแล้ว ยังทำให้เกษตรกรได้รับความรู้จากการอบรมและถ่ายทอดความรู้ต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สร้างรายได้ ลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรไทย ซึ่งจะเกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในอนาคต”  นายเข้มแข็ง   กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...