วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“ จุรินทร์” ลงพื้นที่ติดตามโครงการประกันรายได้ มั่นใจช่วยเกษตรกรขายสินค้าราคาเป็นธรรม


        นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ผู้บริหารส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะของนายก อบต. กํานัน และผู้ใหญ่บ้าน และ“ติดตามโครงการประกันรายได้” 


       นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายประกันรายได้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญนโยบายหนึ่งของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรโดยประกันรายได้ไม่ใช่การประกันราคาเพราะราคาประกันไม่ได้ ประกันได้เฉพาะรายได้ ที่ราคาประกันไม่ได้เพราะพืชผลทางการเกษตรเราไม่สามารถประกันราคาได้ว่าราคาต้องกิโลกรัมละเท่าไหร่เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับกลไกการตลาด เมื่อไหร่ที่พืชผลทางการเกษตรตัวนั้นออกมากจนล้นแต่คนซื้อไม่มีหรือมีน้อยราคาก็จะตกต่ำ แต่เมื่อไหร่ของมีน้อยแต่คนต้องการซื้อมากราคาก็จะสูง นี่คือ กลไกตลาดที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์ซัพพลาย ไม่มีใครไปสั่งให้ขึ้นลงได้แต่สิ่งที่รัฐบาลสามารถสั่งได้คือ ให้เกษตรกรมีรายได้ตามปริมาณที่รัฐบาลเห็นว่าพอสมควรเรียกว่าการประกันรายได้ในข้าว 5 ชนิดประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,000 บาท ถ้าราคาตลาดน้อยกว่านี้ก็จะมีส่วนต่าง โดยรัฐบาลจะช่วยโอนให้เข้าบัญชีพี่น้องเกษตรกรโดยตรงนี่คือข้อดีของนโยบายประกันรายได้ช่วยให้มีหลักประกันไม่ว่าราคาจะตกลงมาอย่างไรก็มีส่วนต่างช่วย แต่ถ้าราคาดีจนเกินราคาที่ประกันก็จะไม่มีเงินประกันรายได้ 


           แต่ก่อนที่จะมีนโยบายประกันรายได้จะมีเงินก้อนเดียวคือเงินที่ขายข้าวในราคาตลาด เกวียนละ 7,000 ก็ได้เพียง 7,000 บาท แต่เมื่อมีประกันรายได้จะมีรายได้สองกระเป๋ากระเป๋าซ้าย 7,000 บาทและกระเป๋าขวา 3,000 บาทรวมกันเป็น 10,000 บาทรวมกันเป็นรายได้ที่ประกันโดยประมาณ รัฐบาลชุดนี้จึงกำหนดเป็นนโยบายช่วยให้พี่น้องมีหลักประกันมากขึ้นแม้ยามที่ราคาพืชผลการเกษตรจะตกต่ำ ข้าวหอมมะลิ 15,000 บาท ราคาลงมาเป็น 13,000 บาทก็จะได้รับเงินส่วนต่าง 2,000 บาทเป็นต้น


           นี่คือข้อดีของประกันรายได้ได้เงินส่วนต่างชดเชย เงินส่วนต่างงวดแรกของการประกันรายได้ของรัฐบาลมีเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ทยอยจ่ายทุกสัปดาห์ขึ้นอยู่กับเวลาเก็บเกี่ยวของแต่ละคนว่าเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ก็มาแจ้งล่วงหน้าไว้กับ ธ.ก.ส. และเอาราคาวันนั้นมาดูว่าส่วนต่างเท่าไหร่และโอนเงินเข้าบัญชีพี่น้องโดยตรง ผมเชื่อว่าพี่น้องที่นี่คงได้เงินมาพอสมควรแล้ว
         นโยบายประกันรายได้เป็นนโยบายของรัฐบาลทั้งรัฐบาลแม้ว่าจะเป็นนโยบายที่นำเสนอเบื้องต้นโดยพรรคประชาธิปัตย์ก่อนร่วมรัฐบาลก็ตามแต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ยอมรับเป็นนโยบายรัฐบาลแล้ว และได้แถลงนโยบายต่อรัฐถ้าสภาแล้ว แปลว่าเป็นข้อผูกพันและข้อผูกมัดที่รัฐบาลมีต่อรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา จนกว่าจะสิ้นอายุขัยของรัฐบาล ตราบเท่าที่ยังมีนโยบายชุดนี้บริหารราชการแผ่นดิน นโยบายประกันรายได้เกษตรกรก็จะต้องดำเนินต่อไปและสำหรับมันสำปะหลังไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตันสำหรับข้าวโพดรายละไม่เกิน 30 ตัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...