นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต และการตลาดโคเนื้อ และความพร้อมของ บริษัท พรีเมียมบีฟ จำกัด อ.หนองหญ้าไช จ.สุพรรณบุรี ในโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 161.79 ล้านบาทให้กรมปศุสัตว์เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานโครงการฯ โดยร่วมมือกับบริษัทพรีเมียมบีฟ จำกัด เพื่อยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ พัฒนาระบบการซื้อขายโคให้มีมาตรฐาน เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม มีตลาดรองรับที่แน่นอนและมีการประกันราคารับซื้อไม่ต่ำกว่าท้องตลาด
จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ พบว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการร่วมกับเกษตรกรในเครือข่าย ทำการแปรสภาพโค เพื่อจำหน่ายให้กับแมคโคร บาร์บีคิว พลาซ่า CP Freshmart และล่าสุดได้มีการทำสัญญาขายกับ Tesco Lotus ซึ่งไม่เพียงจำหน่ายเนื้อโคในประเทศ แต่ยังมีการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และ เมียนมา โดยบริษัทฯ ยังดำเนินการทำผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุน เกรดพรีเมียม เพื่อจำหน่ายตลาดระดับบนอีกด้วย โดยจะขยายธุรกิจ การเปิดร้านสเต๊กในห้าง Tesco Lotus ต่อไปในอนาคต และมีแผนการที่จะดำเนินการร่วมกับเกษตรกรในเครือข่าย เพื่อทำธุรกิจโคเนื้ออย่างครบวงจร เป็นการใช้หลักการตลาดนำการผลิตอย่างแท้จริง เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การพัฒนาโคเนื้อของไทย ให้สามารถแข่งขันกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ต่อไป
นอกจากนี้ เลขาธิการ สศก. ยังได้ลงพื้นที่ วิสาหกิจชุมชนหนองหญ้าไซ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของ บริษัท พรีเมียมบีฟ จำกัด เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตหญ้าแพงโกล่า ซึ่งตลาดมีความต้องการมาก โดย สศก. และกรมปศุสัตว์ จะได้ศึกษาแนวทางเพิ่มศักยภาพการผลิตหญ้าเพื่อการเลี้ยงสัตว์ต่อไป ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ดังกล่าว เลขาธิการ สศก. ได้แนะแนวทางในการผลิตสินค้าโคอย่างครบวงจร อาทิ หนังโค เครื่องใน เขา และชิ้นส่วนรองต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า ด้วยแนวทางการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) โดยทางกองทุน FTA พร้อมที่จะสนับสนุนด้านเงินทุนแก่เกษตรกร จากนั้นในช่วงบ่าย เลขาธิการ สศก. ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การจัดทำข้อเสนอโครงการและแผนบริหารความเสี่ยงโครงการที่เสนอขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนFTA” ณ โรงแรมวาสิฎฐี ซิตี้โอเทล จ.สุพรรณบุรี เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าอบรมกว่า 60 คนทั่วประเทศ สามารถจัดทำข้อเสนอโครงการขอรับเงินสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติในการจัดทำแผนการดำเนินงานการจัดทำงบประมาณรายรับ-รายจ่ายโครงการ และแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการ เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรมมีความสนใจเขียนโครงการ อาทิ ข้าวอินทรีย์ ผักอินทรีย์ การเพิ่มประสิทธิภาพปาล์มน้ำมัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุน FTA ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 161.79 ล้านบาท ให้กรมปศุสัตว์เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อรองรับ FTA เพื่อยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ ตั้งแต่การผลิตโคต้นน้ำจนถึงการตลาดเนื้อคุณภาพสำหรับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เตรียมการรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าไทย-ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการ SSG ภายใต้ความตกลง TAFTA ในวันที่ 1 มกราคม 2564 และจะส่งผลกระทบโดยตรงกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งมีต้นทุน การผลิตที่สูง ประกอบกับราคาจำหน่ายโคเนื้อที่ไม่แน่นอน โดยโครงการฯ พร้อมจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น