นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
(สศก.) เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2563
ซึ่งการประชุมดังกล่าว มีเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(นายธนา ชีรวินิจ) เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางความร่วมมือระหว่างสองภาคส่วนในการพัฒนาการเกษตร
รวมทั้งส่งเสริมเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้เพิ่มขึ้น
ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสินค้าเกษตรไทยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ได้เสนอประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ
การส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและลดความเหลื่อมล้ำ
ด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงเพื่อสร้างรายได้ (Cash
Crop) เช่น หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดฝักอ่อน กล้วยหอมทอง กาแฟ โกโก้
อินทผลัม กุ้ง และถั่วลิสง เป็นต้น
ในการนี้
ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนส่งเสริมการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
และข้าวโพดฝักอ่อน
ตลอดจนศึกษาปัญหาการผลิตและจัดทำแผนส่งเสริมการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออกของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีความต้องการสูง และยังได้ให้โควต้าการส่งออกกล้วยหอมทองแก่ประเทศไทยอีกด้วย
จึงเป็นโอกาสดีที่เกษตรกร จะสามารถพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐานต่อไป
และได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการเจรจาการค้าสินค้าเกษตรกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสำหรับการส่งออกกล้วยหอมทองและอินทผลัม
รวมถึงจัดทำแผนประชาสัมพันธ์คุณประโยชน์และสรรพคุณของผลไม้ไทย เพื่อกระตุ้นการบริโภคผลไม้ในประเทศ (Thai First) นอกจากนี้
ได้มอบหมายให้มีการจัดทำข้อมูลสินค้าเกษตรเด่นที่มีศักยภาพประจำจังหวัดเพื่อสนับสนุนให้เป็นสินค้าเด่นในจังหวัด
และนำมาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรสำคัญในระดับพื้นที่
รวมทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเกษตรผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์
เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการเกษตรไปสู่สังคมและเกษตรกร ให้มากขึ้น
ด้าน นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรี
ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อประเมินศักยภาพการผลิตหน่อไม้ฝรั่งและข้าวโพดฝักอ่อนพบว่า
จังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่เพาะปลูกหน่อไม้ฝรั่งเป็นลำดับ 2 ของประเทศ โดยเกษตรกรจะรวมกลุ่มในการจำหน่ายผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเกษตรกรเคยประสบปัญหาโรคจากเชื้อราทำให้ลำต้นได้รับความเสียหาย
ส่งผลให้เกษตรกรเลิกเพาะปลูกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องการให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการส่งเสริม
และฟื้นฟูการผลิตหน่อไม้ฝรั่งในพื้นที่
เนื่องจากเกษตรกรมีความพร้อมด้านองค์ความรู้ในการผลิตอยู่แล้ว
ประกอบกับตลาดยังมีความต้องการ
จึงคาดว่าเกษตรกรจะสามารถเพิ่มการผลิตหน่อไม้ฝรั่งในพื้นที่ดังกล่าวได้
ส่วนข้าวโพดฝักอ่อน มีพื้นที่เพาะปลูกมากเป็นลำดับ 1 ของประเทศ
ซึ่งจะมีผู้รวบรวมทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเกษตรกรกับบริษัทผู้ประกอบการ
เพื่อจัดหาเมล็ดพันธุ์ แรงงานในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยวผลผลิต และขนส่ง
แต่ในปัจจุบันพบการระบาดของหนอนเจาะลำต้น จึงต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ในการกำจัดและป้องกันการระบาด
รวมทั้งการจัดหาแหล่งน้ำ เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สศก.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเร่งศึกษาความเหมาะสมและจัดทำแผนส่งเสริมการปลูกหน่อไม้ฝรั่งและข้าวโพดฝักอ่อนสำหรับพื้นที่นำร่องในจังหวัดกาญจนบุรี
โดยกำหนดปริมาณความต้องการ พื้นที่ส่งเสริม กลุ่มเกษตรกรเป้าหมายและแนวทางการรับซื้อที่ชัดเจน
เป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิดตลาดนำการผลิต ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ
ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น