วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 นายอลงกรณ์
พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่
1/2563 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 134-135 ชั้น 3 โดยมีนายเข้มแข็ง
ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะคณะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการฯ
นายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เข้าร่วมประชุมด้วย
มีหน้าที่กำหนดแนวทางบริหารจัดการผลไม้ เพื่อให้จังหวัดใช้เป็นแนวทางพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ
กำกับ ดูแล แก้ไขปัญหาผลผลิตตามฤดูกาล
พร้อมติดตามการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2563
ซึ่งจะต้องมีข้อมูลของผลผลิตที่ชัดเจน เชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้อให้ได้อย่างเหมาะสม
โดยผ่านกลไกของคณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด
(คพจ.) ให้จังหวัดบริหารจัดการผลไม้แบบเบ็ดเสร็จด้วยตนเอง มีแนวทางการทำงาน คือ 1.
การบริหารจัดการเชิงคุณภาพ เน้นจัดทำแผนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพผลไม้ทั้งในและนอกฤดู
การส่งเสริมมาตรฐาน GAP
การส่งเสริมและพัฒนาการผลิตตามมาตรฐานสินค้าเกษตรด้านไม้ผล
ตั้งแต่ก่อนเก็บเกี่ยว ระยะเก็บเกี่ยว และหลังเก็บเกี่ยว 2.
การบริหารหารจัดการเชิงปริมาณ ปรับสมดุลข้อมูลของอุปสงค์และอุปทาน
โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกมาก
ซึ่งมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม
ราคามาตรฐานเกษตรกรขายได้ไม่ต่ำกว่า ต้นทุน+กำไร 30%
มาตรการจะจัดทำเป็นแผนบริหารจัดการเชิงรุก มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รับผิดชอบด้านการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP, มกษ.
สถานประกอบการ (ล้ง) ผ่านการรับรอง GMP และกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบด้านการตลาด
การกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ให้มีความคล่องตัว การผลักดันการส่งออก
การเปิดตลาดต่างประเทศแห่งใหม่ เช่น อินเดีย
ส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตผ่านช่องทางสมัยใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 3.
การบริหารจัดการผลผลิตส่วนเกิน ทั้งกลไกปกติ
และมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดผลผลิตส่วนเกินในช่วง peak โดยเฉพาะทุเรียนต้องเตรียมแผนรองรับการส่งออกไปจีน
ซึ่งเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
จะต้องวางแผนการกระจายผลผลิตทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มมูลค่าผลผลิต เช่น
การแปรรูป การแช่แข็ง รวมถึงประชาสัมพันธ์กระตุ้นการบริโภคในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
จนสิ้นสุดฤดูกาล
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้มีการรายงานคาดการณ์ข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ
ปี 2563 ณ วันที่ 24 ม.ค.63 ดังนี้
ลำไยในพื้นที่ 8
จังหวัดภาคเหนือ มีผลผลิตรวม 699,815 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 74,48979,436 ตัน
หรือร้อยละ 13.75
12.80 โดยแยกเป็นลำไยในฤดู 439,850 ตัน ลำไยนอกฤดู 259,965 ตัน ผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดในเดือน
ส.ค. ส่วนลิ้นจี่มีผลผลิตรวม 33,873 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 11,783 ตัน หรือร้อยละ
53.34
ผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดในเดือน พ.ค.
สำหรับการคาดการณ์ข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ปี 63 (ทุเรียน มังคุด
เงาะ และลองกอง) ผลผลิตทุเรียนรวม 599,708 ตันเพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 104,165 ตัน หรือ
ร้อยละ 21.02
ผลผลิตมังคุดรวม 204,745 ตัน เพิ่มขึ้น
25,135 ตัน
หรือร้อยละ 13.99 ผลผลิตเงาะรวม
224,390 ตัน เพิ่มขึ้น
33,301 ตัน
หรือร้อยละ 17.43
และผลผลิตลองกองรวม 24,173 เพิ่มขึ้น 3,880 ตัน
หรือร้อยละ 19.12
โดยทุเรียนจะออกมากช่วงเดือน เม.ย. ต่อเนื่องถึง พ.ค.63
ซึ่งจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกชนิด เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและราคาดี
จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม
กระทรวงเกษตรฯ ยังได้เตรียมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2564 – 2570 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
13 (พ.ศ. 2565 – 2570) มีสาระสำคัญของ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. 2565 – 2570 ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการผลไม้ในการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้าไม้ผล
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดไม้ผลด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างความเข้มแข็งและความเสมอภาคให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรไม้ผล
และยุทธศาสตร์ที่ 4 บริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการผลิตผลไม้ครบวงจร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น