วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

จับคู่จิ้น น้องลำไยกับนายผึ้ง ผสมเกสร เพิ่มผลผลิตลำไย ฉลองวาเลนไทน์



14 กุมภาพันธ์ 2563 กรมส่งเสริมการเกษตร จัดงานเทคโนโลยีการผสมเกสร เพิ่มผลผลิตลำไยด้วยผึ้ง ณ แปลงใหญ่ลำไย ต.แม่ก๊า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งการจัดงานดังกล่าว เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า การใช้แมลงผสมเกสร เพื่อเพิ่มผลผลิตพืชในไม้ผลเป็นวิธีการและปัจจัยที่มีความสำคัญปัจจัยหนึ่ง เพราะพืชเศรษฐกิจทางการเกษตรหลายชนิดรวมถึงลำไยด้วย


นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวภายหลังเปิดงานฯ ว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีแนวทางที่ต้องการเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตของสินค้าเกษตร ตามนโยบายสำคัญของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะลำไย ที่ช่วง มกราคม เป็นช่วงที่ลำไยออกดอก และต้องทำการผสมเกสร ซึ่งกรมฯ ได้สนับสนุนให้เกษตรกร ใช้เทคโนโลยีช่วยในการผสมเกสร เนื่องจากลำไย เป็นพืชผสมข้ามการนำผึ้งเข้าช่วยผสมเกสร จะช่วยทำให้เปอร์เซ็นต์การติดผลของลำไยมีมากขึ้น ไม่ว่าต้นลำไยจะอายุเท่าใดก็ตาม และจะมีปริมาณมากกว่าต้นที่ไม่มีผึ้งและแมลงผสมเกสรอื่นๆ โดยปกติ จะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิต เพิ่มขึ้น กว่า 78.78% นอกจากนี้ การใช้ผึ้ง จะลดการใช้สารเคมี ชาวสวนต้องใช้สารชีวภาพต่างๆ เข้ามาช่วยในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช เพราะจะส่งผลกระทบต่อผึ้งได้



นายเข้มแข็ง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีแนวปฏิบัติของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย และ ผู้เลี้ยงผึ้ง ดังนี้ สำหรับแนวทางการปฏิบัติของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ทำสวนลำไยแบบเกษตรอินทรีย์ เน้นการจัดการและการใช้สารชีวินทรีย์ ในการป้องกันกำจัดศัตรูลำไย 2. ควรใช้วิธีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) รวมถึงการใช้สารที่มีพิษน้อยต่อผึ้ง 3. มีการสำรวจตรวจดูชนิดและปริมาณแมลงศัตรูลำไย อยู่เป็นประจำ 4. เลือกใช้สารเคมีตามคำแนะนำและหลีกเลี่ยงการพ่นสารเคมี ช่วงดอกลำไยบาน 5. ทำข้อตกลงกับเจ้าของผึ้ง และแจ้งเจ้าของผึ้งหากจำเป็นต้องใช้สารเคมีเพื่อให้เจ้าของผึ้งย้ายผึ้งก่อน และแนวทางการปฏิบัติของเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้ง ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ทำข้อตกลงให้ชัดเจน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมถึงแจ้งกำหนดการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช รวมถึงพื้นที่แนวรัศมีการออกหาอาหารของผึ้งอย่างสม่ำเสมอ 2.ไม่วางรังผึ้งที่หนาแน่นจนเกินไป และเข้าตรวจเช็คพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ 
สำหรับสถานการณ์ลำไยในปีนี้ จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ร้อนสลับหนาวและกระทบแล้งยาวนาน ส่งผลกับการออกดอกและติดผลครั้งแรกให้ช้าลงจากปกติ อย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ช้าจากเดิมอีกประมาน 1 เดือน เช่นเดียวกัน 


และจาการสำรวจการผลิตลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือในปี 2563 พบว่ามีเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น เป็น 857,036 ไร่ มีแนวโน้มผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 817 กก./ไร่ เป็นผลมาจากการที่ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ ทั้งการกระจายผลผลิต การส่งเสริมการแปรรูป การส่งเสริมการตลาด รวมถึงความต้องการบริโภคลำไย จากต่างประเทศมีมากขึ้น ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกรวมถึงดูแลรักษาต้นลำไยมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ”...ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

  สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย      ขานรับนโยบาย รัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาค...