สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ไม่เว้นแต่ภาคธุรกิจประมง ล่าสุด…กรมประมง
แจงตัวเลขคาดการณ์ผลกระทบต่อสินค้าประมงไทย อาจทำให้สูญเสียรายรวมกว่า 604.5–1,179 ล้านบาท เหตุจากปัจจัยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และการส่งออกในตลาดตลาดหลักเริ่มชะลอตัว
นายบรรจง จำนงศิตธรรม รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
หรือโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศจีนและขยายวงกว้างไปอีกหลายประเทศทั่วโลก
รวมถึงประเทศไทยนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจการค้าโลก
รวมถึงธุรกิจภาคการประมงด้วย ซึ่งหลังจากที่เกิดโรคโควิด-19
เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา
ทำให้การส่งออกสินค้าสัตว์น้ำของไทยไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก
รองจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเกิดการชะลอตัว เนื่องจากมีความยากลำบากในการขนส่งมากขึ้น
โดยเฉพาะสินค้ากุ้งทั้งแบบมีชีวิตและกุ้งสดแช่เย็นที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง
และต้องใช้บริการการขนส่งทางอากาศเท่านั้น ซึ่งผลจากการประกาศยกเลิกหรือปรับลดเที่ยวบินได้ส่งผลกระทบทำให้สินค้ากุ้งที่เคยส่งออกมีปริมาณลดน้อยลงกว่าในช่วงสภาวะปกติอย่างมาก
ซึ่งจากข้อมูลสถิติของกรมประมงในปี 2562
พบว่าตัวเลขการส่งออกกุ้งมีชีวิตและกุ้งสดแช่เย็น (กุ้งขาวแวนนาไมและกุ้งกุลาดำ)
ไปจีนมีปริมาณถึง 10,240 ตัน มูลค่า 2,217 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61
ของสินค้าประมงทั้งหมดที่ส่งออกไปจีน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้ากุ้งมีชีวิตและกุ้งสดแช่เย็น
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2563 จะลดลงร้อยละ 50-95 เหลือเพียง 1,500-2,900 ตัน
คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 340-650 ล้านบาท
สำหรับสินค้าอื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปและปลาแช่เย็นแช่แข็ง
ได้รับผลกระทบเล็กน้อย เพราะมีการส่งออกเพียงร้อยละ 6
ส่วนด้านการบริโภคสินค้าสัตว์น้ำภายในประเทศนั้น
ปกตินักท่องเที่ยวจากต่างประเทศซึ่งมีกำลังซื้อมากจะใช้จ่ายเงินอยู่ที่ประมาณ 5,290 บาทต่อคนต่อวัน
โดยเป็นค่าใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็นร้อยละ 19
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ที่มา : สำนักสถิติแห่งชาติ)
ซึ่งเมื่อหากนำพิจารณาค่าใช้จ่ายในการบริโภคเฉพาะสัตว์น้ำของนักท่องเที่ยวคิดเป็นเพียงร้อยละ
2.5-5 เนื่องจากไม่มีข้อมูลค่าใช้จ่ายที่ระบุในด้านนี้โดยตรง
คาดการณ์ว่าจะทำให้สูญเสียรายได้ในการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำถึง 264.5-529 ล้านบาท จากการที่นักท่องเที่ยวชะลอหรืองดการเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมรับประทานอาหารทะเล
อย่างไรก็ตาม กรมประมงได้เตรียมวางมาตรการเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการบริโภคสัตว์น้ำของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ
โดยจะร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
ในการจัดกิจกรรมให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำที่มีคุณภาพง่ายขึ้น
นอกจากนี้
ยังมีแผนการดำเนินงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคกุ้งทะเลในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกด้วย
อีกทั้งจะเร่งสื่อสารทำความเข้าใจกับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมงเพื่อให้รับทราบถึงปัญหาอุปสรรคในการส่งออก
โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน ให้ชะลอการเลี้ยงไปก่อนจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลาย
และเร่งปรับตัวหาทางรอด โดยปรับปรุงผลิตภัณฑ์สินค้าหรือหาตลาดใหม่ทดแทน
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายอีกว่า
ล่าสุด กรมประมงได้ช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำภาคใต้
ด้วยการเปิดให้มีการสั่งจองสินค้ากุ้งกุลาดำสด ไร้สารตกค้าง เกรดส่งออกประเทศจีน
โดยตรงจากเกษตรกรผ่านทางระบบสั่งจองสินค้าสัตว์น้ำออนไลน์ในราคาย่อมเยา เช่น
กุ้งกุลาดำขนาด 30
- 40 ตัว/กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 250 บาท
และกุ้งกุลาดำขนาด 40 - 50 ตัว/กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งกรมประมงจัดกิจกรรมดังกล่าวจะมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน
เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการตลาดภายในประเทศ
QR Code สั่งจองสินค้า |
ผู้บริโภคสามารถร่วมอุดหนุนโดยการสั่งจองสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ https://coastalaqua.fisheries.go.th/preorder/public/t/กุ้งทะเล
ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 – 1 มีนาคม 2563 และรับสินค้าได้ที่ กองวิจัยและพัฒนาสัตว์น้ำชายฝั่ง
กรมประมง (ติด BTS เกษตรศาสตร์) ได้ในวันที่ 2 มีนาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 09.30 - 12.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ Call Center กรมประมง
โทรศัพท์ 0 2562 0569
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น