นางอัญชนา
ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน
“กาแฟออร์แกนิค” (Organic Coffee) เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับกระแสความนิยมอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากเป็นกาแฟที่ปลูก โดยวิธีทางธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี
ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคกาแฟที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี
เกษตรกรจึงหันมาปลูกกาแฟเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะจังหวัดเลยเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเกษตรกรในพื้นที่รวมกลุ่ม
ในรูปของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน
ปลูกกาแฟโรบัสต้าออร์แกนิค 100% จนประสบผลสำเร็จเป็นแห่งแรกของจังหวัดเลย
ถือเป็นต้นแบบของวิสาหกิจชุมชนจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิต
สร้างรายได้ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกันของเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย
ทั้งนี้
จากการที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี
(สศท.3) ได้ติดตามสถานการณ์การผลิตกาแฟโรบัสต้าออร์แกนิค โดยการเก็บข้อมูลพร้อมกับสัมภาษณ์ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน
(นางสุปราณี มืดทับไทย) พบว่า เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2554
ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกร 20 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกประมาณ
300 ไร่ ให้ผลผลิต 23.4 ตัน/ปี
มีต้นทุนการผลิต 4,487.64 บาท/ไร่
(เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปีที่ 3) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว
ระหว่างเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 78
กก./ไร่ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 816.36 บาท/ไร่
ผลผลิตเกือบทั้งหมดทางกลุ่มจะจำหน่ายในรูปของสารกาแฟ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาท/กก. ปริมาณร้อยละ 67
จำหน่ายให้แก่ผู้รวบรวมตัวแทนเกษตรกร และร้อยละ 29
จำหน่ายให้แก่พ่อค้าในท้องถิ่น ซึ่งมารับซื้อถึงพื้นที่ แล้วนำไปส่งขายให้กับโรงงานแปรรูป
ส่วนผลผลิตที่เหลือไม่ถึงร้อยละ 5
ทางกลุ่มนำมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟสด
กาแฟคั่วบดในซองดริป ชาดอกกาแฟ และสบู่กาแฟสมุนไพร ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ชื่น-เลย คอฟฟี่” โดยจำหน่ายผ่านหน้าร้านชื่น-เลย
คอฟฟี่ ตั้งอยู่ในอำเภอนาด้วง จังหวัดเลย และผ่านทางออนไลน์ facebook วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน รวมถึงมีการออกบูธตามงานต่างๆ
ปัจจุบันสินค้ามียอดสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60,000 บาท/ปี
สำหรับกาแฟโรบัสต้าของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน
นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นกาแฟออร์แกนิค 100% แล้ว
ทางกลุ่มยังให้ความใส่ใจการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก ดูแลรักษา จนถึงเก็บเกี่ยว
โดยพื้นที่ปลูกได้ผ่านการตรวจสอบจาก Central Lab Thai หน่วยงานภายใต้การสนับสนุนของสำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) ว่าไม่มีสารเคมีปนเปื้อน การดูแลรักษาต้นกาแฟมีการตัดแต่งกิ่งให้เหมาะสม
และรดน้ำพรวนดินอย่างสม่ำเสมอ ทำให้
ต้นกาแฟแข็งแรงไม่มีโรครบกวน ส่วนการเก็บเกี่ยวจะคัดเลือกเก็บเฉพาะเมล็ดที่สุกแล้วเท่านั้นเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
และที่สำคัญทางกลุ่มได้ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
และได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับสี่ดาว
ประเภทเครื่องดื่มอีกด้วย
ด้าน นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ
สศท.3 กล่าวเสริมว่า
ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน
ยังเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอนาด้วง
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจปลูกกาแฟออร์แกนิคให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
ซึ่งในอนาคตทางกลุ่มมีแนวโน้มจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น
รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรในหมู่บ้านหันมาปลูกกาแฟออร์แกนิกมากขึ้น นอกจากนี้
ยังมีแนวโน้มเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมถึงให้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวก
ง่าย และรวดเร็ว ทั้งนี้
แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟในจังหวัดเลยให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนนั้น
ควรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต สร้างตลาดใหม่
โดยเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจรบนพื้นฐานของศักยภาพและอัตลักษณ์ของกาแฟ รวมถึงการผลิตกาแฟเฉพาะถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์
และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย
สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลการผลิตกาแฟออร์แกนิค
ทางกลุ่มยินดีให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานได้ หรือขอคำปรึกษาได้ที่ นางสุปราณี
มืดทับไทย ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน หมู่ที่ 9 บ้านหนองแคน
ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย โทร. 095-541-2945
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น