เกษตรฯ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสดันโครงการสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยสู้ภัย COVID-19 ผุด Campaign “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” แก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่มีต่อสินค้าเกษตรไทยทั้งไม้ผล พืชผัก ไม้ดอก และอื่น ๆ ที่ส่งออกไม่ได้ช่วงนี้ พร้อมเชิญชวนหน่วยงาน บริษัท ห้าง/ร้านต่างๆ และประชาชนร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรคุณภาพดีจากเกษตรกรโดยตรง ส่งมอบเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และครอบครัวที่อยู่ห่างไกลแทนความรักห่วงใย
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วนจากการปิดเมืองหรือการยกเลิกกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต การค้าปลีก การค้าระหว่างประเทศ การขนส่ง รวมทั้งสินค้าเกษตร ซึ่งบางสินค้าจะมีผลผลิตออกมากในช่วงวิกฤตนี้และไม่สามารถส่งออกได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป ซึ่งต้องส่งทางเครื่องบินและขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินไปยังประเทศเหล่านี้ ตลาดในประเทศชะลอตัวเนื่องจากผู้บริโภคเดินตลาดน้อยลง และเน้นการซื้อสินค้าที่จำเป็นมากกว่า ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ ซึ่งสินค้าไม่สามารถเก็บรักษาได้ในระยะเวลานาน เช่น มะม่วง มังคุด องุ่น ลิ้นจี่ ลำไย พืชผัก ไม้ดอกต่างๆ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องรีบจำหน่ายผลผลิตให้ถึงมือผู้บริโภคก่อนสินค้าเกษตรจะเสียหาย กระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสริเริ่มจัดทำโครงการสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยสู้ภัย COVID-19 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์ COVID – 19 ภายใต้แนวคิด (Campaign) “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” โดยให้ส่วนราชการ บริษัท ห้าง/ร้าน และประชาชนช่วยกันอุดหนุนซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ทหาร เทศกิจ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ที่ต้องเสียสละเวลาในการดูแลประชาชนในพื้นที่
เบื้องต้นกรมส่งเสริมการเกษตรได้ระดมทุนส่งมอบผลผลิตมะม่วงคุณภาพดีจากเกษตรแปลงใหญ่ส่งไปยัง 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลทรวงอก โรงพยาบาลบำราศนราดูร โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หรือจะมอบเป็นของขวัญของฝากคนที่รักและห่วงใยแก่ครอบครัวที่ต้องอยู่ห่างไกลกัน ให้ได้บริโภคสินค้าเกษตรสด ใหม่ และมีคุณภาพในช่วงนี้ รูปแบบการดำเนินงานเบื้องต้นจะเชิญชวนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ บริษัท ห้าง/ร้าน และประชาชน ร่วมสั่งซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพจากเกษตรกร และนำไปมอบให้กับผู้มีภารกิจหน้าที่ในการป้องกัน รักษาสุขภาพของประชาชนเพื่อต่อสู้ภัย COVID – 19 ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยกรมส่งเสริมการเกษตรหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบสินค้านั้นๆ จะประสานอำนวยความสะดวกการสั่งซื้อสินค้าจากเกษตรกรให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความประสงค์จะสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือในการกระจายและควบคุมคุณภาพสินค้าสู้ภัย COVID-19 ทั้ง 4 โครงการย่อย ได้แก่ 1) โครงการประสานใจเกษตรกรไทยสู่พี่น้องชาวจีนสู้วิกฤต COVID-19 เป้าหมาย ทุเรียน 20 ตัน มังคุด 20 ตัน 2) โครงการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ภายในประเทศ Eat Thai First เป้าหมาย 111,000 ตัน 3) โครงการสินค้าเกษตรไทยปลอดภัยจาก COVID-19 เป้าหมาย รับรอง GAP 70,000 แปลง รับรอง GMP 180 โรง และ 4) โครงการหาตลาดใหม่สินค้าเกษตรเพิ่มเติม ได้แก่ จีน UAE ตุรกี และเครือรัฐออสเตรเลียนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมสนับสนุนในทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ภายในประเทศ Eat Thai First ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ประสานงานกับตลาดไทและ Home pro เรียบร้อยแล้ว มีเป้าหมายการจำหน่ายสินค้าทั้ง 2 แห่ง รวม 1,200 ตัน โดยตลาดไทยินดีให้ใช้พื้นที่ในช่วงฤดูกาลผลิต นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการส่งเสริมเกษตรกรให้จำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยคัดเลือกเกษตรกรและเกษตรกรแปลงใหญ่ลงทะเบียนกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อกระจายสินค้าสู่ตลาดปลายทาง เป้าหมาย 2,000 ตัน ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ค่าขนส่งสินค้าเกษตรเฉพาะผักและผลไม้สด กิโลกรัมละ 8 บาท ภายใต้เงื่อนไขเกษตรกรต้องสมัครเป็นสมาชิกจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบ Thailandpostmart.com และเมื่อสมัครต้องใส่โค้ด : กรมส่งเสริมการเกษตร และต้องได้รับการอนุมัติให้ขายออนไลน์บน Platform Thailandpostmart.com นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้เตรียมเปิดเว็บไซต์ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบออนไลน์ภายใต้ชื่อ “ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com” ซึ่งจะมีหมวดหมู่สินค้าจากทั่วประเทศให้เลือกช้อป 9 หมวดหมู่ ได้แก่ ผัก, ผลไม้, ไม้ดอกไม้ประดับ, ข้าวและธัญพืช, อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม, สมุนไพรและเครื่องสำอาง, ผ้าและเครื่องแต่งกาย, หัตถกรรมและสิ่งประดิษฐ์ และอื่นๆ โดยจะเริ่มเปิดตัวทดสอบระบบในวันที่ 10 เมษายน 2563 นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น